นิทานอีสป ต้นโอ๊กกับต้นอ้อเป็นเรื่องที่พูดถึงต้นไม้ใหญ่ เมื่อใครมองดูก็คงคิดว่าลำต้นจะต้องแข็งแรงอย่างแน่นอน ผิดกับต้นไม่เล็กๆ เช่นต้นอ้อหรือต้นหญ้าที่แสนจะอ่อนแอ แต่ถ้าได้รับรู้เรื่องราวนี้ ความคิดเดิมๆ เหล่านี้อาจเปลี่ยนไป
ในทุ่งน่าแห่งหนึ่ง มีต้นโอ๊กขนาดใหญ่ยืนต้นสงาอยู่ ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ชื่นชมต้นโอ๊กนี้ว่ามันช่างดูแข็งแรงแข็งแกร่งและมีร่มเงากว้างใหญ่เสียจริง ผิดกับต้นอ้อเล็กๆ ที่ขึ้นเป็นทิวแถว มันดูบอบบางแค่เอามือหักมันก็พร้อมที่จะขาดลง
วันหนึ่งมีฝนฟ้าพายุกระหน่ำรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั่วทั้งป่าถูกพายุพัดกระจุยกระจาย ต้นโอ๊กที่ยืนต้นอยู่กลางทุ่งนาเมื่อถูกพายุแรงก็ไม่อาจที่จะต้านทานแรกของลมได้ จึงได้หักโค่นลงในที่สุด แต่ทว่าใกล้กันนั้นต้นอ้อเล็กๆ ยังคงยืนต้นโล้ไปมาตามแรงลมโดยที่ไม่โค่นหักลงแม้สักต้นเดียว
ต้นโอ๊กที่ทิ้งตัวนอนนิ่งอยู่กับพื้นดินรู้สึกแปลกใจ จึงได้กระซิบถามเหล่าต้นอ้อว่า
“ เหตุใดต้นอ้อเล็กๆ บอบบางอย่างพวกเจ้า จึงไม่โค่นหักเพราะพายุแรงเช่นข้า ”
ต้นอ้อตอบว่า
“ตัวท่านั้นยิ่งใหญ่และทำตัวต้านแรงของพายุ จึงได้ถูกแรงพายุโค่นจนหัก ส่วนพวกข้านั้นตระหนักดีว่าเราอ่อนแอ จึงไม่ฝืนต้านความแข็งแกร่งของพายุ เราลู่โล้ตามแรงของพายุไป จึงได้รอดพ้นอันตรายนี้มาได้”
นิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อสอนให้เรารู้ว่า เช่นเดียวกันกับต้นอ้อ หากเราตระหนักถึงความอ่อนแอของเรา และเป็นผู้น้อยที่ยอมอ่อนน้อมสุภาพต่อผู้แข็งกร้าว เราก็จะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขัน ต่อไปอ่านนิทานอีสป นกยูงกับนกกระเรียน