นิทาน

นิทานสำหรับคนท้อง ช่วยคุณแม่สร้างสัมพันธ์กับลูกน้อย

นิทานสำหรับคนท้องช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์เริ่มผูกสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกในไม่ช้า นิทานได้สร้างความสุขให้ทั้งตัวแม่และลูกอย่างน่าเหลือเชื่อ

ความปรารถนาของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ก็คือ ปรารถนาให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี ทั้งทางร่างกาย สติปัญญาและจิตใจ ลูกจะคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์ อารมณ์ดี ฉลาดและเลี้ยงง่าย ช่วงเวลาที่อยู่ในท้องคุณแม่ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่าเมื่อลูกเกิดขึ้นมามองโลกใบใหม่

ในช่วงอายุทารกน้อยในครรภ์ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป เป็นช่วงเวลาที่ลูกน้อยเริ่มมีพัฒนาการในการได้ยิน เจ้าหนูตัวน้อยจะเริ่มได้ยินเสียงต่างๆ และรับรู้โลกภายนอกผ่านท้องของคุณแม่ ยิ่งเป็นเสียงหัวใจของคุณแม่ เสียงพูดของคุณแม่ลูกจะยิ่งได้ยินชัดเจนที่สุดกว่าเสียงอื่น นี่จึงเป็นช่วงเวลาทองของคุณแม่ที่จะพูดคุยกับลูกรัก รวมถึงการร้องเพลงให้ฟังและเล่านิทานให้ฟังด้วย แต่การเล่านิทานให้ลูกน้อยในครรภ์ฟังก็มีรายละเอียดที่สำคัญ ซึ่งแตกต่างจากการเล่านิทานให้เด็กเล็กๆ วัยอื่นๆ อยู่หลายประการ วิธีเลือกนิทานและรายละเอียดนิทานสำหรับคนท้องที่ควรเลือกเราได้นำมาฝากในวันนี้แล้ว

นิทานแบบไหนเหมาะกับคนท้องและทารกในครรภ์?

นิทานที่เหมาะกับคนท้องและทารกในครรภ์นั้น มีคุณสมบัติและรายละเอียดต่างจากนิทานสำหรับเด็กในวัยต่างๆ คุณแม่ควรจะเลือกนิทานจากองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้จะได้นิทานที่ดีและเหมาะกับทารกน้อยในครรภ์

เป็นนิทานที่มีเนื้อหามีความสุข

นิทานประเภทนี้เหมาะเป็นนิทานสำหรับคนท้องอย่างมาก เพราะเมื่อคุณแม่เลือกอ่านนิทานที่เนื้อหาน่ารัก สดใสและมีความสุข ตัวคุณแม่เองก็จะอารมณ์ดีและรู้สึกมีความสุข คลายกังวล ผ่อนคลายจากความอึดอัดไม่สบายตัวในช่วงอุ้มท้องลง สารแห่งความสุข หรือ เอนโดฟินของคุณแม่จะหลั่ง ลูกน้อยก็จะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขไปด้วย จากฮอร์โมนและเคมีที่ส่งต่อถึงกัน และจากน้ำเสียงการเล่านิทานของคุณแม่

เป็นนิทานที่เล่าได้ง่ายๆ เช่นนิทานเรื่องที่คุ้นเคย

ถ้าเป็นนิทานที่คุณแม่คุ้นเคยอยู่แล้ว เช่นนิทานอีสป คุณแม่เคยฟังมาก่อนก็จะเล่าได้ลื่นไหล คล่องขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามาพะวงกับตัวละคร หรือจดจำทำความเข้าใจเรื่องราวซับซ้อนอะไร สามารถเล่าได้อย่างสนุกสนาน คล่องปาก รู้เนื้อหาและตอนจบอย่างดี

เป็นนิทานที่มีเนื้อหาสั้นๆ ใช้เวลาเล่าสั้น

ควรเลือกนิทานสำหรับคนท้องที่มีเนื้อหาง่ายๆ ใช้เวลาเล่าสั้นๆ เรื่องราวไม่กี่ประโยค ใช้เวลาเล่าประมาณ1-2 นาทีจบก็เพียงพอ เพราะสำหรับทารกในครรภ์นั้น แพทย์ได้ให้คำแนะนำว่า ช่วงเวลาการคุยหรือเล่านิทานในแต่ละวัน ไม่ควรนาน เพราะถ้าทารกฟังนานเกินไปจะเกิดความเครียดได้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มรับรู้และได้ยินเสียงของทารก

ช่วงเวลาที่เหมาะจะเล่านิทานให้ลูกในท้องฟัง

ช่วงเวลาในการเล่านิทานให้ทารกน้อยในครรภ์ฟัง ไม่ใช่ช่วงเวลานิทานก่อนนอนเหมือนอย่างเด็กเล็กๆ แต่ตามหลักการแพทย์แล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะจะเล่านิทานสำหรับทารกที่ยังอยู่ในครรภ์แม่ก็คือ เวลาหลังมื้ออาหารหลักของคุณแม่ เพราะเมื่อคุณแม่รับประทานอาหารเสร็จ ลูกน้อยในครรภ์ก็ได้รับอาหารด้วย หลังจากรับสารอาหารทารกจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จะรู้สึกร่าเริงและผ่อนคลาย เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะรับผังเสียงอันอบอุ่นของคุณแม่ และเริ่มรับฟังเรื่องราวต่างๆ ในนิทานได้

ระยะเวลาในการเล่าควรนานแค่ไหน

ตามคำแนะนำของแพทย์ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ใช้กับทารกในครรภ์ ทั้งหมดนั้น รวมเวลาการเล่านิทาน  พูดคุย และร้องเพลง ไม่ควรเกินวันละ 2-5 นาทีจะเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นระยะเวลาที่ทารกน้อยจะสนใจและเพลิดเพลิน รับรู้รับฟังอย่างมีความสุขพอเหมาะ ถ้านานกว่านี้ทารกจะเกิดความเครียดได้ ในขณะที่เล่านิทาน พูดคุย ให้ลูบท้องอย่างอ่อนโยนเบาๆ เป็นพักๆ ลูกน้อยจะสัมผัสถึงความรักความอบอุ่น เป็นช่วงเวลาแห่งความรักที่สื่อถึงลูกรักรับรู้ได้

เนื้อหานิทานที่เหมาะจะนำมาเล่าให้ลูกน้อยในท้องฟัง

จะให้ดี นิทานสำหรับคนท้องควรจะเลือกเนื้อหาน่ารัก เช่นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ที่น่ารักๆ ไม่มีการต่อสู้ หรือความโหดร้าย เน้นเรื่องที่เนื้อหาง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ฟังแล้วสนุกสนานมีความสุข

โอ้ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นจริงๆ! การอ่านหนังสือให้ลูกในครรภ์ฟังเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการสร้างความผูกพันและแนะนำให้พวกเขารู้จักกับโลกแห่งการเล่าเรื่องตั้งแต่อายุยังน้อย การสั่นสะเทือนและจังหวะของเสียงของคุณช่วยให้ผ่อนคลายได้ และบางคนเชื่อว่าอาจช่วยในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้วยซ้ำ

เนื่องจากคุณกำลังมองหานิทานที่เหมาะกับทั้งคุณและลูกน้อย ฉันจึงขอแนะนำ “Guess How Much I Love You” ของ Sam McBratney เป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก โดยนำเสนอผ่านบทสนทนาระหว่างกระต่ายตัวน้อยกับพ่อแม่ของมัน เรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่วัดค่าไม่ได้ และมีภาพประกอบด้วยงานศิลปะที่สวยงาม

ทำไมมันถึงเข้ากันได้ดีล่ะ?

  1. ความผูกพันทางอารมณ์: เรื่องราวช่วยให้คุณเชื่อมโยงทางอารมณ์ สะท้อนความรักที่คุณมีต่อลูกในครรภ์
  2. เรียบง่ายและซ้ำไปซ้ำมา: ภาษานั้นเข้าใจง่ายและลักษณะของข้อความที่ซ้ำไปซ้ำมาก็น่าดึงดูดสำหรับจิตใจเด็ก
  3. การกระตุ้นการมองเห็น: หากคุณกำลังอ่านข้อความนี้หลังจากที่ทารกคลอดแล้ว ภาพประกอบต่างๆ ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกระตุ้นการมองเห็น
  4. อีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมก็คือเรื่อง Winnie-the-Pooh สุดคลาสสิกโดย A.A. มิลน์. นิทานเหล่านี้อมตะ เต็มไปด้วยภูมิปัญญา อารมณ์ขัน และหัวใจมากมาย เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้นคุณก็จะสนุกกับมันได้เช่นกัน!

ดังนั้นคว้าเก้าอี้แสนสบาย ยกเท้าขึ้น และดื่มด่ำไปกับเรื่องราวที่ทั้งมีคุณค่าสำหรับคุณพอ ๆ กับความสุขที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า มีความสุขในการอ่าน! 📚💕

ต่อไปมาดูตัวอย่างนิทานสำหรับคนท้องไว้เล่าให้ลูกน้อยฟัง จากนิทานอีสปเรื่องต่างๆเพราะนิทานอีสปเป็นนิทานที่เหมาะใช้เล่าให้ทารกในครรภ์ฟังเป็นอย่างมาก มีเรื่องราวให้เลือกนับร้อยเรื่อง และเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาดีซึ่งคนทั่วโลกให้การยอมรับ อีกทั้งหลายๆ เรื่องก็เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่เองคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

มดกับนกเขา

นิทานอีสปเรื่องแรกที่เหมาะกับการอ่านให้ลูกน้อยฟังก็คือมดกับนกเขา ที่สอนเรื่องความมีเมตตาและเป็นมิตร ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายกับคนอ่านและลูกน้อย

นกยูงกับนกกระเรียน

นิทานเรื่องนกยูงกับนกกระเรียนนี้จะเกี่ยวกับนกสองชนิดที่สวยงาม อ่านแล้วทำให้คุณแม่ได้มีจินตนาการถึงนกยูงรำแพนและขนสีอ่อนๆ ของนกกระเรียน ทำให้เกิดความสุขทั้งคุณแม่และลูกในท้องที่สื่อถึงกัน เมื่อคิดตาเรื่องเล่าและยังได้คติสอนใจ เกี่ยวกับการมองคนที่จิตใจด้วย

หนูนากับหนูเมือง

นิทานอีสปเรื่องหนูนากับหนูเมืองนี้ เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของหนูสองตัวที่มีชีวิตแตกต่างกัน และมีข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับความพอเพียง ความพอใจในสิ่งที่เรามีด้วย อ่านแล้วคุณแม่จะอารมณ์ดี รู้สึกอ่อนโยนสื่อไปถึงลูกน้อยในท้องด้วย

หนูกับวีเซิล

เรื่องวุ่นๆ น่ารัก ที่ทำให้อ่านแล้วยิ้ม ระหว่างหนูกับวีเซิล เป็นเรื่องราวสั้นๆ และไม่ซับซ้อนแต่ให้ข้อคิดสอนใจเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ควรตะกละเห็นแก่กิน

อาการป่วยของกวาง

นิทานที่มีความน่ารักอย่างเรื่องอาการป่วยของกวางนี้ เล่าเกี่ยวกับสัตว์หลากหลายชนิดที่น่ารัก พวกมันอาศัยในป่า มิตรภาพของเหล่าสัตว์ให้คุณแม่มีความรู้สึกสดใส และน่าลุ้นว่ามิตรภาพนี้จะจริงใจสักแค่ไหน

ต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ต้นโอ๊กกับต้นอ้อเป็นนิทานที่มีธรรมชาติอย่างต้นไม้เป็นตัวเอกของเรื่อง เมื่อคุณแม่ได้อ่านก็จะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจส่งผลให้ลูกรักผ่อนคลายด้วย แล้วยังมีคติสอนใจดีๆ ในเรื่องของความอ่อนน้อมด้วย

อีกากับเหยือกน้ำ

นิทานเรื่องอีกากับเหยือกน้ำนี้เป็นเรื่องที่มีตัวเอกเป็นอีกาตัวเดียว ดำเนินเรื่องง่ายๆ เข้าใจง่ายแต่แฝงข้อคิดดีๆ เรื่องสติปัญญา คุณแม่อ่านให้ลูกน้อยในท้องฟังก็ได้ทั้งความสนุก และแนวคิดดีๆ ไปด้วย

ราชสีห์กับหนู

เรื่องราชสีห์กับหนูนี้เป็นเรื่องที่คุณแม่คุ้นเคยดีในตอนเด็กๆ จึงไม่ต้องใช้ความเข้าใจหรือติดตามเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ได้กลับมาอ่านอีกครั้งก็จะรู้สึกได้ย้อนวัยเด็กและสนุกไปกับเรื่องราว ทำให้อารมณ์ดี

หมาจิ้งจอกกับองุ่นเปรี้ยว

นิทานเรื่องหมาจิ้งจอกกับองุ่นเปรี้ยวนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เหมาะกับคนท้อง เพราะดำเนินเรื่องเรียบง่าย แต่สนุกสนาน เกี่ยวกับหมาจิ้งจอกและองุ่น เป็นนิทานสั้นที่น่าติดตาม

กระดิ่งผูกคอแมว

เรื่องกระดิ่งผูกคอแมวนี้เป็นเรื่องที่น่ารัก เพราะมีเจ้าหนูหลายตัวเป็นตัวเดินเรื่อง คุณแม่จะรู้สึกว่าอ่านง่ายและสนุกสนาน

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะลืมคิดถึงการเล่านิทานให้ทารกในครรภ์ เพราะคิดว่าลูกน้อยยังไม่รับรู้อะไรนัก แต่ความจริงแล้ว ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ไม่ได้หลับอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าหนูตื่นหลายช่วงเวลาในแต่ละวัน และพยายามเงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ อย่างตื่นเต้น คุณแม่บางคนเมื่อรอบข้างมีเสียงดนตรี เสียงกลอง จะรู้สึกว่าลูกน้อยในท้องดิ้น หรือได้ยินเสียงคุณพ่อที่กลับจากทำงานก็ดิ้น นั่นเพราะเจ้าหนูรับรู้เสียงต่างๆ และมีปฏิกิริยาตอบสนองได้แล้ว การพูดคุย เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง ร้องเพลงไปด้วยจะช่วยพัฒนาการทั้งทางสมองของลูกน้อย และที่สำคัญช่วยพัฒนาประสาทหูและการได้ยินซึ่งกำลังเริ่มทำงานให้พัฒนาได้สมบูรณ์ด้วย พอตัวน้อยลืมตามาดูโลกก็จะมีนิทานก่อนนอนต่ออีกนะ

jirawatisme

Mumeaw คือกลุ่มผู้ที่มีใจรักในการเดินทาง ผจญภัย พบเจอกับสิ่งใหม่ๆรอบตัวบนโลกอันกว้างใหญ่ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งสวยงามที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้นในทุกๆด้าน