นิทานสำหรับเด็กอนุบาลเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเด็กอย่างลึกซึ้ง นิทานคือเรื่องที่จะช่วยให้น้องๆหนูๆได้เติบโตได้ดีสมวัยและเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตข้างหน้า
ในช่วงอนุบาลคือช่วงอายุที่ลูกอายุ 3-6 ขวบเป็นช่วงวัยอนุบาลที่เต็มไปด้วยความสดใส ร่าเริงและพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกและยังเป็น เป็นวัยที่ชอบเรื่องราวของนิทานมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ นิทานจะมีอิทธิพล และมีพลังต่อความคิดของเด็กๆ ช่วยปลูกฝังเด็กในวัยอนุบาลได้มาก อนุบาลคือวัยที่คุณพ่อคุณแม่จะหว่านเมล็ดพันธุ์ดีๆ ไว้ในชีวิตของลูกได้อย่างดีที่สุด นักจิตวิทยาได้ศึกษาว่า ช่วงวัยของคนเราในช่วงต้นจนถึง 5-6 ขวบนั้น ได้รับประสบการณ์แบบใดก็จะส่งผลอย่างมากไปจนโต
นิทานอนุบาลเป็นเครื่องมืออย่างดีที่คุณพ่อ คุณแม่จะนำมาใช้เป็นตัวสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เด็กๆ ได้ ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนานของนิทาน และยังสอดแทรกสิ่งดี เช่นลักษณะนิสัยที่ดี แนวคิดที่ดี และจริยธรรม คุณธรรมให้ลูกรักผ่านนิทานได้ด้วยถ้าเรานำนิทานมาเล่าให้ลูกฟัง สอดแทรกชีวิตประจำวันถูกเวลา ถูกโอกาส นิทานจะมีพลังช่วยสร้างเด็กๆ ในวัยอนุบาลได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว เรามาดูประโยชน์ของนิทานเด็กอนุบาลกันก่อนเลย
ช่วยให้ลูกมีสมาธิ
เมื่อได้นั่งฟังนิทานจากคุณพ่อคุณแม่ เด็กๆ จะมีช่วงเวลาได้อยู่นิ่งและคิดตามเรื่องราวนิทาน เป็นการฝึกให้มีสมาธิและละสายตาจากจอสื่อสาร จากการวิ่งเล่นหรือเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ ได้ ใช้เวลาช่วงหนึ่งไปกับการคิดตามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครในนิทาน
เพิ่มทักษะเรียนรู้ผ่านเรื่องเล่าสนุก
เหตุผลหนึ่งที่เด็กวัยอนุบาลชอบฟังนิทาน เพราะพวกเขาอยู่ในวัยที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผ่านนิทาน นิทานทุกเรื่องที่พวกเด็กๆ ได้ฟังก็จะมีเรื่องราวใหม่ๆ น่าสนใจชวนติดตาม ในรายละเอียดยังช่วยเพิ่มคลังศัพท์ใหม่พัฒนาสายตาในการดู เรียนรู้การใช้ชีวิต แง่คิดต่างๆ รู้จักสิ่งของ สัตว์ มากยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาเล่านิทานคือการเติมเต็มความอบอุ่น เป็นภูมิคุ้มกันจิตใจ
ในเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ได้เล่านิทานให้ลูกวัยอนุบาลฟัง มีความใกล้ชิดกัน สร้างสัมพันธ์ที่ดี ลูกก็จะสัมผัสความรัก ความอบอุ่น ทำให้เป็นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันจิตใจต่อไปจนกระทั่งโตได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนสั่งผ่านนิทานจะจำอยู่ในสมองส่วนลึกและความทรงจำ เป็นช่วงเวลามีค่าของครอบครัว
สร้างให้เด็กๆ มีจินตนาการ
การเล่านิทานเรื่องเล่าโดยเฉพาะ นิทานที่ไม่มีภาพมากนัก จะทำให้เด็กๆ เกิดจินตนาการสร้างภาพและความคิดของตัวเองขึ้นมา แตกต่างกันไปไม่ซ้ำ ทำให้เป็นคนที่มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเมื่อเล่าก็ช่วยทำให้เกิดจินตนาการได้ดี หลายครั้งนิทานเรื่องเดิม แต่นำมาเล่าใหม่ เด็กๆ ก็สามารถที่จะจินตนาการภาพและเรื่องราวได้แตกต่างออกไปจากเดิมได้ด้วย
ช่วยสร้างคุณธรรม จริยธรรมและความคิดที่ดีให้เด็กๆ
ในนิทานมักจะมีแง่คิด มีบทสรุปที่ดี หากกระตุ้นให้คิดตามและสอดแทรกแนวคิด คำสอนดีๆ นิทานก็จะเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ดีๆ ที่ตกลงไปในใจของเด็กๆ และเติบโตไปพร้อมกัน โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องยัดเยียดแนวคิดถูกผิดใดๆ แต่นิทานจะมีคุณธรรม จริยธรรมที่เด็กซึมซับได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นิทานสำหรับอนุบาลมีวิธีเลือกให้เหมาะกับเด็กๆ ในวัยอนุบาลได้ไม่ยาก คุณสมบัติของนิทานสำหรับลูกในวัยนี้ก็คือ
เป็นเรื่องราวที่มีเนื้อหาสนุกสนานน่าติดตาม
อย่างแรกคุณพ่อคุณแม่ควรจะเลือกนิทานที่สนุก มีเรื่องราวชวนติดตาม เพราะเด็กในวัยนี้ต้องการรับรู้อะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน เด็กๆ จะตื่นตัวอยากรับรู้และให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
มีตัวละครที่เด็กๆ ชื่นชอบ
นิทานที่เต็มไปด้วยตัวละครที่เด็กๆ ชื่นชอบ เช่นสัตว์น่ารักๆ หรือผู้คนที่เด็กชอบ ร้านขนม ปราสาท ก็จะถูกใจและเมื่อเด็กๆ ชอบตัวละครก็จะอยากติดตามเรื่องราวในนิทานต่อไป ทั้งยังจดจำเรื่องราวและแง่คิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย
ควรจะเป็นนิทานด้านบวกที่มีตัวอย่างไปในด้านที่ดี
นิทานจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ เวลาที่ตัวละครทำอะไร หรือมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เด็กๆ จะจดจำเรื่องราวได้ มีนิทานบางประเภทที่ไม่เหมาะจะเลือกมาเล่าสำหรับเด็กวัยอนุบาล เช่นตัวละครไปขโมยของมาสะสม จนถูกจับได้ แล้วถูกทำโทษ ผู้ใหญ่ตั้งใจจะสั่งสอนไม่ให้เด็กๆ ขโมยของ แต่เด็กบางคนอาจจะไปสนใจว่าขโมยของที่อยากได้คือวิธีหนึ่งที่น่าทำ เพราะมีของที่อยากได้มากมาย แบบนี้เป็นนิทานที่ไม่เหมาะจะนำมาเล่าให้เด็กๆ ฟัง ให้เลือกนิทานที่ตังละครทำดี เป็นตัวอย่างที่ดีจะดีกว่า
ดำเนินเรื่องไม่ซับซ้อนเกินไป
เด็กในวัยอนุบาล ยังมีความคิด การเรียนรู้โลกน้อยต่างจากวัยประถม มีประสบการณ์ที่จำกัด ดังนั้นนิทานบางเรื่องที่มีเนื้อหาเข้าใจยาก มีความซับซ้อน เด็กๆ อาจจะฟังแล้วเพลิดเพลินแต่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องนัก คุณพ่อคุณแม่ควรจะเลือกนิทานอนุบาลที่มีเนื้อหาสนุกแต่เข้าใจง่าย เหมาะกับวัยของลูกอนุบาล
ตัวอย่างนิทานอีสปที่เหมาะกับเด็กในวัยอนุบาลก็ เช่น
เนื้อหาในหน้าเพจนี้
เด็กเลี้ยงแกะ
เรื่องเด็กเลี้ยงแกะนี้จะสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่าผลของการกระทำดีและไม่ดีมีผลต่างกันอย่างไร จากเรื่องเล่าที่ไม่ซับซ้อนแต่สนุกเพลิดเพลิน คุณพ่อคุณแม่อาจจะตั้งคำถามให้ลูกๆ คิดตามว่า ถ้าหนูเป็นชาวบ้านจะไปช่วยเด็กเลี้ยงแกะทุกครั้งหรือไม่ เด็กๆ ก็จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เริ่มเข้าใจการกระทำของผู้อื่นด้วย
ราชสีห์กับหนู
เด็กวัยอนุบาลที่ตัวเล็กๆ เมื่อได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับราชสีห์ตัวใหญ่ๆ และหนูตัวเล็กที่ยังสามารถช่วยราชสีห์ได้ ก็จะทำให้เด็กเกิดข้อคิดหลายอย่าง และยังทำให้พวกเขารู้สึกว่า แม้ตนเองจะตัวเล็กเปรียบได้กับหนูก็อาจจะทำสิ่งสำคัญได้ เรื่องราชสีห์กับหนูทำให้เด็กๆ เกิดแรงบันดาลใจทำสิ่งต่างๆ
กบเลือกนาย
เรื่องกบเลือกนายเป็นเรื่องราวจากสัตว์อย่างกบ ที่มีอยู่ทั่วไป และเด็กในวัยอนุบาลก็รู้จักกบ ทำให้เด็กๆ จินตนาการถึงกบได้ชัดเจน และสนุกสนานไปกับเรื่องราวความคิดของฝูงกบด้วย เนื้อหาของเรื่องนี้มีจุดเด่นตรงเล่าได้เข้าใจง่าย และยังมีข้อคิดดีๆ อีกด้วย
ชาวนากับงู
ในยุคปัจจุบันที่เด็กในวัยอนุบาลใช้ชีวิตอยู่นั้น มีทั้งคนดีและไม่ดี คนที่อันตรายแม้ว่าเด็กๆ จะอยู่ในความดูแลอย่างดีของพ่อแม่ และคุณครู แต่การสอนให้รู้จักระวังตัวก็เป็นวิ่งที่สำคัญมาก นิทานเรื่องนี้เหมาะจะเป็นนิทานอนุบาล เพราะคุณพ่อคุณแม่ได้สอดแทรกให้เด็กๆ ได้เห็นตัวอย่างจากนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูและรู้จักระแวดระวังตัว
อาการป่วยของกวาง
เรื่องอาการป่วยของกวางนี้จะทำให้เด็กๆ ได้รับรู้ถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ความเกรงใจต่อเพื่อนและคนรอบข้าง เหมาะกับเด็กในวัยอนุบาลที่เริ่มใช้ชีวิตอยู่ในสังคมและได้ติดต่อพบปะกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่สามารถสอดแทรกความคิดในการวางตัว เมื่ออยู่กับผู้อื่นได้ด้วย
หมีกับรังผึ้ง
หมีเป็นสัตว์ที่เด็กๆ ชอบอยู่แล้ว เรื่องราวของเจ้าหมีจะทำให้เด็กในวัยอนุบาลอยากติดตามเรื่องราว เกิดความประทับใจและชอบนิทานเรื่องหมีกับรังผึ้งนี้ ทำให้เพลิดเพลินที่ได้ฟังและจดจำคติสอนใจที่ดีในเรื่อง
หนูนากับหนูเมือง
เรื่องหนูนากับหนูเมืองนี้มีความเป็นแฟนซีสดใสที่เด็กๆ จะต้องชอบแน่ๆ เป็นเรื่องที่สัตว์ตัวเล็กๆ อย่างหนูมีท่าทางและพฤติกรรมเหมือนกับคน เหมือนเรื่องราวในการ์ตูนสนุกเรื่องหนึ่ง ที่แฝงคติสอนใจดีๆ ให้ด้วย
หมากับเงา
นิทานอีสปเรื่องหมากับเงานี้ จะเรียกได้ว่าเป็นนิทานชิ้นเอกของผู้แต่งคืออีสปก็ว่าได้ เพราะสามารถที่จะนำเอาปรัชญาสำคัญของการใช้ชีวิต มาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่าง่ายๆ สนุกผ่านตัวละครคือหมา แม้แต่เด็กในวัยอนุบาลก็ฟังแล้วเข้าใจ ประทับใจได้ไม่ยากเลย
ลิงกับอูฐ
เนื้อเรื่องลิงกับอูฐนี้สนุกสนาน และยังมีเรื่องราวที่น่าตลกขบขัน เด็กๆ ในวัยอนุบาลฟังแล้วก็จะสนุก ชอบใจ มีอารมณ์สนุกร่าเริงตามเนื้อเรื่องไปด้วย และได้ข้อคิดที่มีประโยชน์จากเรื่อง
สุนัขจิ้งจอกกับอีกา
เรื่องสุนัขจิ้งจอกกับอีกานี้เป็นนิทานที่เล่าได้อย่างสนุก และเป็นเรื่องน่ารักมากของอีกากับสุนัขจิ้งจอก และยังได้คติสอนใจที่เหมาะกับวัยอนุบาลของลูกรัก
นิทานสำหรับเด็กอนุบาลไม่เป็นเพียงเรื่องเล่าสนุกฆ่าเวลา แต่นิทานกับเด็กในวันอนุบาล เป็นกิจกรรมที่โปรดปรานของเด็กวัยนี้ และเป็นโอกาสทองที่คุณพ่อคุณแม่ใช้เสริมสร้างขัดเกลาลูกรักได้อย่างดีอีกด้วย ลองอ่านนิทานสำหรับคนท้องกันต่อเลย