นิทานอีสป มดกับนกเขา สอนเรื่องความเมตตาและเป็นมิตร

นิทานอีสป มดกับนกเขาจะถูกเล่าขานเรื่องราวดังต่อไปนี้ มดเป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว จึงมักถูกมองข้ามว่าหาประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่มดในเรื่องนี้ไม่ใช่เช่นนั้นแน่

ณ หนองน้ำแห่งหนึ่งในป่า มีมดอยู่ตัวหนึ่ง มันรู้สึกกระหายน้ำต้องการที่จะดื่มน้ำในลำธาร มันจึงได้ก้มตัวลงไปกินน้ำนั้น แต่ด้วยความที่รีบเกินไปจนไม่ทันระวัง เจ้ามดตัวน้อยจึงพลาดพลั้งตกลงไปในลำธารและกำลังจะจมลง ใกล้กันมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง นกเขาตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่ง เมื่อมันเห็นว่ามดกำลังจะจมลงไปในน้ำ มันจึงนึกสงสารอยากช่วย นกเขารีบจิกก้านใบไม้ทันที ใบไม้นั้นตกลงไปในน้ำพอดีกับที่มดคว้าใบไม้ถึง จึงได้ไต่ขึ้นไปบนใบไม้ได้อย่างปลอดภัย มันดีใจมากที่รอดตายและสำนึกในบุญคุณของนกเขาใจดี แต่ขณะที่มันกำลังจะเอ่ยคำขอบคุณแก่นกเขา สายตาของมดน้อยก็บังเอิญเห็นนายพราน ธนุของนายพรานกำลังเล็งไปยังนกเขาผู้มีพระคุณของมัน  มันรีบวิ่งไปกัดที่เท้าของนายพรานนั้นอย่างเต็มแรง ความเจ็บปวดทำให้นายพรานร้องออกมาและลดธนูลง นกเขาจึงรู้ตัวและบินหนีรอดไปได้ในที่สุด

นิทานอีสปเรื่องมดกับนกเขานี้ทำให้เห็นว่า ขนาดสัตว์ป่ายังมีความเมตตาและช่วยเหลือกัน เราเป็นคนก็ต้องรู้จักช่วยเหลือยามผู้อื่นลำบาก และความดีนั้นก็จะตอบแทนเราในภายหลังเมื่อยามที่เราตกอยู่ในความยากลำบากหรืออันตราย ต่อไปอ่านนิทานอีสป ลิงกับอูฐ

นิทานเป็นเรื่องราวที่มีจุดประสงค์ต่าง ๆ อย่างมากมาย บางเรื่องอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความบันเทิง บางเรื่องอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความรู้สึกและความสนใจในเรื่องราว และบางเรื่องอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อสอนและเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ความเมตตา

การสอนเรื่องความเมตตาเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นที่ต้องการในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งนิทานเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถใช้สอนเรื่องความเมตตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากนิทานมีลักษณะเฉพาะที่ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านได้รับประสบการณ์ทางความรู้สึกและความคิดใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน

ลักษณะของนิทานที่สอนเรื่องความเมตตา สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. มีตัวละครที่ได้รับการพัฒนาและมีความหมายต่อเรื่องราว

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตามักจะมีตัวละครที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี โดยมักจะเป็นตัวละครที่เจ้าของเรื่องหรือผู้เขียนนิทานให้ความสำคัญกับการพัฒนาลักษณะบุคลิก

  1. มีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่ายและมีความหมายต่อความเมตตา

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตามักจะมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย โดยไม่ยุ่งยากและมีความหมายต่อความเมตตาที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น นิทานเรื่อง “เจ้าแมวและตะกรุด” ที่สอนให้เราเข้าใจถึงการเสียสละและการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่มีคาบสมาธิใด ๆ

  1. มีการแสดงความเป็นไปได้และเชื่อถือได้

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตาจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นไปได้และเชื่อถือได้ต่อผู้อ่านหรือผู้ฟัง โดยไม่มีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเหมือนมาจากการแต่งเรื่องเพื่อเป็นเพียงความบันเทิงเท่านั้น

  1. มีการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและชัดเจน

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตาจะต้องมีการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจและรับรู้ความหมายของเนื้อเรื่องได้อย่างถูกต้อง

  1. มีเรื่องราวที่เป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจ

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตาจะมีเรื่องราวที่เป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านหรือผู้ฟัง โดยใช้เนื้อหาของเรื่องราวให้เข้าใจและรู้สึกถึงความสำคัญของเรื่องนั้น ตัวอย่างเช่น นิทานเรื่อง “นกกระจิบและเจ้าชายในป่า” ที่สอนให้เรารู้สึกถึงความสำคัญของการตั้งเป้าหมายและการมีความมุ่งมั่นในชีวิต

  1. มีจุดเรียนรู้ที่ชัดเจน

นิทานที่สอนเรื่องความเมตตาจะต้องมีจุดเรียนรู้ที่ชัดเจน และไม่มีความกว้างขวาง เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นการใช้นิทานในการสอนเรื่องความเมตตา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและมีคุณค่าต่อชีวิตประจำวันของผู้อ่านหรือผู้ฟัง โดยจะต้องใช้นิทานที่มีลักษณะเหล่านี้ ดังนั้นผู้เขียนหรือผู้สอนควรตระหนักถึงเนื้อหาและจุดประสงค์ของนิทานก่อนนำมาใช้สอนเพื่อให้ผลสอนที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนหรือผู้ฟังได้อย่างมากที่สุด