นิทานอีสป ผึ้ง ตัวต่อ และแตน สอนการแสดงความสามารถ

นิทานอีสป ผึ้ง ตัวต่อ และแตนกล่าวความถึงเรื่องเรื่องของผลประโยชน์ ที่มักเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการทะเลาะกันขึ้นเสมอ เหมือนกับเรื่องของต่อและผึ้งเหล่านี้

ในป่าแห่งหนึ่งมีโพรงต้นไม้ซึ่งใช้เป็นที่กักตุนน้ำผึ้ง แต่เกิดมีกรณ๊พิพาทกันขึ้นระหว่างฝูงผึ้งและฝูงตัวต่อ เนื่องจากตัวต่อได้ประกาศออกมาว่า น้ำผึ้งที่อยู่ในโพรงนั้นเป็นของพวกมันทั้งหมด ส่วนเหล่าผึ้งก็ไม่ยอม เพราะพวกมันกล่าวว่าน้ำผึ้งเหล่านี้ คือขุมทรัพย์ที่พวกมันต่างช่วยกันสะสมเอาไว้ เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมและทะเลาะกันเป็นการใหญ่ จนเกือบจะมีสงครามระหว่างสัตว์ทั้งสอง แต่ด้วยความที่ทั้งต่อและผึ้งต่างก็รักสันติ ไม่อยากที่จะต่อสู้กันจึงได้ตกลงกันว่า จะให้คนกลางมาทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาตัดสิน

พวกมันจึงได้ไปของให้ แตน ช่วยเป็นผู้ตัดสินความเรื่องนี้ให้ เพราะเห็นว่า แตนนั้นรักสันติและไม่ชอบทะเลาะมีเรื่องมีราวกับใครในป่าแห่งนี้ เมื่อถึงวันไต่สวนคดี ผู้พิพากษาจึงให้พยานผู้รู้เห็นคือสัตว์อื่น ๆ ในบริเวณนั้น ได้ขึ้นมาให้การว่า เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เห็นพวกแมลงมีสีเหลืองสลับดำ บินไปมากันหลายครั้งในแต่ละวัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นผึ้งหรือต่อกันแน่

ทนายของฝ่ายตัวต่อได้ที รีบสมทบว่า ลักษณะที่พวกนั้นเห็นตรงกับลูก ๆ ของพวกมันแน่นอน

แต่ด้วยคำพูดและความเห็นที่คลุมเครือ ทั้งฝ่ายพยานเองก็ไม่อาจจะชี้ชัดให้แน่ใจว่าเป็นใครกันแน่ ผู้พิพากษาแตนจึงไม่สามารถที่จะตัดสินความลงไปได้ จึงให้ทุกฝ่ายพักและขอเลื่อนการพิจารณาคดีความไป จากนั้นค่อยมานัดตัดสินเรื่องนี้กันใหม่หลังจากผ่านไปอีก 6 สัปดาห์เพราะต้องการใช้ความรอบคอบและข้อมูลเพิ่มขึ้นในการพิจารณา

เมื่อเวลาผ่านไปถึง 6 สัปดาห์ แล้ว ทั้งฝ่ายผึ้ง ฝ่ายต่อ และสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นพยานก็มาพร้อมกัน โดยมีแตนเป็นผู้พิพากษาบนบัลลังก์คอยว่าความเช่นเดิม ในครั้งนี้มีพยานอีกหลายตัวเป็นสัตว์น้อยใหญ่ขึ้นให้การ คดีดูจะวุ่นวายซับซ้อนขึ้น ขณะที่มดขึ้นให้การและกำลังจะถูกซักค้าน ก็แปรากฎว่ามีผึ้งชราซึ่งเป็นนักปราชญ์ของเหล่าผึ้งได้แสดงตัวต่อหน้าศาลและกล่าวว่า

“ ศาลที่เคารพ ข้าพเจ้าขอกล่าวอะไรสักนิด เนื่องจากคดีนี้ยืดเยื้อและล่วงเลยเวลามากว่า 6 สัปดาห์แล้ว หากคดียังไม่ได้ข้อสรุปจะทำให้น้ำผึ้งที่เป็นของกลางนั้นเสื่อมลงและใช้ประโยชน์ไม่ได้อีก ดังนั้นข้าจึงมีบทพิสูจน์ที่รวบรัดมาเสนอ คือ ให้ทั้งตัวต่อและผึ้ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็สร้างรวงผึ้งของตนเองขึ้นมา จากนั้นเราคงจะพิสูจน์ได้ว่าน้ำผึ้งนี้เป็นของใครกัน ”

เมื่อพวกตัวต่อได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงประท้วงกันเซ็งแซ่ไปหมด ก่อนที่เหตุการณ์จะโกลาหลจนยากจะควบคุม ผู้พิพากษาแตนผู้ชาญฉลาดก็รู้แล้วว่าฝ่ายใดเป็นเจ้าของน้ำผึ้ง จึงได้ตัดสินคดีความให้ผึ้งเป็นผู้ชนะ เพราะอาการของต่อที่ประท้วงก็เนื่องจากว่า พวกมันรู้ดีว่าพวกมันไม่สามารถสร้างรวงผึ้งไว้ใส่น้ำผึ้งได้ ดังนั้นรวงผึ้งนี้ก็ไม่ใช่ของมัน

จากเหตุการณ์ในนิทานอีสปเรื่องผึ้ง ตัวต่อ และแตนครั้งนี้ ทำให้ได้บทสรุปว่า ความสามารถและการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความจริงได้ อ่านนิทานอีสป เทพารักษ์กับคนตัดไม้