รสหวานในกาแฟลดความอ้วน
หลายคนไม่กล้ากิน กาแฟลดความอ้วน เพราะได้ยินคำว่า “กินหวาน แล้วจะอ้วน” เป็นความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ และเป็นความเข้าใจที่ไม่ผิด แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้เพิ่มทางเลือกสำหรับใครที่ยังชอบรสหวานแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการลดความอ้วนด้วย
ผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับ “กาแฟลดความอ้วน” ย่อมมีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกิน หรือ ต้องการลดความอ้วน ดังนั้น ผู้ผลิตกาแฟลดความอ้วนจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จำกัดพลังงาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับพลังงานให้น้อยที่สุด และแหล่งพลังงานที่พบในกาแฟทั่วไปคือ น้ำตาล โดยน้ำตาลทรายในปริมาณ 1 ช้อนชา ให้พลังงาน15 กิโลแคลอรี หากคุณเป็นคนที่นิยมเติมน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ในกาแฟ 1 แก้ว นั่นหมายถึง คุณจะได้รับพลังงานจากน้ำตาลในการดื่มกาแฟ 1 แก้ว ถึง 30 กิโลแคลอรี่ ด้วยพลังงานเท่านี้ ซึ่งเท่ากับการเผาผลาญพลังงานด้วยการเดินช้าๆ ประมาณ 15 นาที เลยทีเดียว
ปัจจุบัน สารให้ความหวาน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดพลังงานจากการบริโภคน้ำตาล และรสหวานในกาแฟลดความอ้วนก็นิยมใช้สารให้ความหวานมาแต่งเติมรสชาติเอาใจผู้บริโภคกลุ่มนี้เช่นกัน สารให้ความหวานที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ แอสปาแตม ซูคราโลส และหญ้าหวาน
ซูคราโลสเป็นสารทดแทนความหวานที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟลดความอ้วน ซูคราโลสให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 600 เท่า แต่ให้พลังงานน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำตาลทราย แม้ซูคราโลสจะเป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี แต่ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกในเรื่องความปลอดภัยเทียบเท่ากับน้ำตาลทรายตามธรรมชาติและมีรสชาติใกล้เคียงกับการรับประทานน้ำตาลทรายธรรมชาติ ดังนั้นจึงเป็นสารให้ความหวานที่ผู้ผลิตกาแฟลดความอ้วนนิยมใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อย่างไรก็ตาม กาแฟลดความอ้วนไม่ได้ใช้สารซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานเหมือนกันทุกยี่ห้อ เพราะซูคราโลสมีราคาสูงกว่าแอสปาแตม ผู้ผลิตบางรายอาจเลือกใช้แอสปาแตมเป็นสารทดแทนความหวานเพื่อลดต้นทุนการผลิตก็อาจเป็นได้
แอสปาแตม เป็นสารทดแทนความหวานที่เป็นเคมีสังเคราะห์เช่นเดียวกับซูคราโลส มีรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายแต่มีรสขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย ต่างจากซูคราโลสที่มีรสชาติหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายธรรมชาติมากกว่า
คงไม่ปฏิเสธว่า การลดพลังงานจากการบริโภคน้ำตาลจากการดื่มกาแฟที่ดีที่สุด คือ การไม่เติมน้ำตาลในกาแฟเลย แต่สำหรับคนที่ยังติดในรสชาติหวาน ก็คงไม่จำเป็นต้องบีบเค้นตนเองให้เลิกเติมน้ำตาลในกาแฟเลยทีเดียว เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีได้ช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการใช้สารให้ความหวานเพื่อทดแทนน้ำตาล เพียงแค่คุณสละเวลาสักนิดเพื่ออ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ เท่านี้ คุณก็สบายใจได้ว่า กาแฟลดความอ้วนที่คุณเลือก มีประโยชน์ในการลดความอ้วนอย่างแท้จริง