สอนวาดรูปเค้กวันเกิดสวยๆ ให้ภาพแทนคำพูดอวยพร
เค้กวันเกิดเป็นสัญลักษณ์แทนคำอวยพรวันเกิดที่นิยมกันแพร่หลายทั่วโลก การจะที่เราจะสุขสันต์วันเกิดใครซักคนอาจจะมีรูปแบบแตกต่างกันไป วันนี้พี่มุ๊เมี๊ยวจะมาสอนวาดรูปเค้กวันเกิดสวยๆ สำหรับคนที่อยากอวยพรวันเกิดเพื่อน แฟน พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ในแบบฉบับของนักวาดรูป ลองมาฝึกวาดตามกันนะคะ
เอาล่ะหลังจากที่ดูคลิปสอนวาดรูปเค้กอวยพรวันเกิดน่ารักๆไปแล้วทีนี้เราลองมาดูประวัติความเป็นมาของเค้กวันเกิดรวมถึงเรื่องเพลงอวยพรวันเกิด และการฉลองวันเกิดกันบ้างค่ะ
เค้กวันเกิด เพลงอวยพรวันเกิดและการเฉลิมฉลองวันเกิด มีที่มาที่น่ารู้อย่างไร
เมื่อช่วงเวลาพิเศษของคนแต่ละคนนั่นก็คือวันเกิดเวียนมาถึงอีกครั้งในแต่ละปีก็นับว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดของคน ๆ นั้น และสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการฉลองวันเกิดซึ่งบุคคลที่รัก คนรัก ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมักจะจัดงานวันเกิด มีการเฉลิมฉลองให้ หนึ่งในสิ่งที่จะต้องมีก็คือเค้กวันเกิด เจ้าของงานวันเกิดจะได้เป่าเค้กวันเกิดของตนและตัดเค้กนั้นแจกให้กับคนที่มาร่วมงาน ก่อนการเป่าเค้กก็จะมีการร้องเพลงอวยพรในวันเกิด เมื่อสิ้นสุดเสียงเพลงก็จะเป็นการเป่าเทียนที่ถูกจุดอยู่บนหน้าเค้ก โดยเจ้าของวันเกิดจะตั้งจิตอธิษฐานขอพรก่อนที่จะเป่าเทียนให้ดับ การฉลองวันเกิดเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษและสร้างความรู้สึก ความทรงจำที่ดีให้กับผู้เป็นเจ้าของวันเกิดและแขกที่มาร่วมในงาน ไม่ว่างานวันเกิดนั้นจะเป็นงานขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงที่มาของการจัดงานวันเกิด การร้องเพลงอวยพรและโดยเฉพาะเค้กวันเกิดที่มีหน้าตาสวยงามและรสชาติอร่อย เป็นส่วนสำคัญของการเฉลิมฉลองวันเกิดนั้นมีจุดกำเนิดอย่างไร
หากจะกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการจัดงานวันเกิดครั้งแรกของโลกคงจะไม่มีใครสามารถหาที่มาและเดาไม่ได้ว่าใครกันที่เริ่มเฉลิมฉลองงานวันเกิดเป็นคนแรก แต่ก็คงจะพอเดาได้ถึงเหตุผลของการฉลองวันเกิดของมนุษยชาติ เมื่อคนเราได้วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ และพ้นจากความยากลำบากในการดำรงชีพแล้วก็คงจะมีเวลาให้กับความสัมพันธ์ในครอบครัวและคงต้องยอมรับว่าในอดีตการที่ทารกคนหนึ่งจะถือกำเนิดมาและเลี้ยงดูให้เติบโตรอดพ้นในแต่ละปีนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ไหนจะการคลอดลูกที่ยากลำบากเมื่อการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า ไหนจะวัยเด็กที่บอบบางเสี่ยงต่ออันตรายทั้งโรคภัย สัตว์ร้ายต่าง ๆ การครบรอบการเกิดของคนเราจึงเป็นช่วงเวลาและวาระที่น่ายินดีและสมควรแก่การเฉลิมฉลองที่สุด
เค้กวันเกิด เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการฉลองวันเกิดและถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับวันเกิดทีเดียว หากจะสืบหาที่มาของเค้กวันเกิดนั้นคงต้องย้อนไปพูดถึงที่มาของเค้กนั่นเอง แหล่งกำเนิดของเค้กมาจากทวีปยุโรปดินแดนแห่งที่มาของขนมอบทุกชนิด เชื่อกันว่าเริ่มแรกทีเดียวเค้กถูกทำขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนประกอบหลักของพิธีบูชาเทพเจ้าจันทราในสมัยกรีกโบราณ เค้กจึงมีรูปทรงกลมเหมือนรูปร่างของพระจันทร์ และมีสีเหลืองนวลเมื่ออบเสร็จจากส่วนผสมหลักของไข่และแป้ง เมื่อเค้กถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อฉลองแด่เทพเจ้าจันทราแล้ว ครั้นถึงวันเกิดของผู้คนตามจันทรคติก็จะมีการทำขนมเค้กขึ้นตามบ้านของคน ๆ นั้นเพื่อบูชาให้แก่เทพเจ้าจันทราเป็นการขอบคุณและขอพรในปีต่อ ๆไปจากเทพเจ้าจันทราด้วย การฉลองในวันเกิดนั้นก็จะชวนเพื่อนบ้าน ญาติสนิทมาร่วมอวยพรและศักการะเทพ แจกจ่ายชิ้นส่วนของขนมเค้กให้ได้รับประทานเค้กวันเกิดร่วมกัน
หน้าตาของเค้กวันเกิดในยุคแรกนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เค้กวันเกิดยุคแรกทำด้วยแป้งและน้ำตาลเช่นเดียวกับเค้กในยุคนี้ แต่ไม่ได้ถูกแต่งหน้าด้วยครีม หน้าของเค้กยุคแรกจะเป็นหน้าน้ำเชื่อมและละผลไม้ชนิดต่าง ๆ ทั้งในแบบที่เป็นผลไม้สดและผลไม้แห้ง ลูกเกด และรสขิง มีการขุดค้นพบเค้กเก่าแก่ขึ้นในยุคศตวรรษที่ 13เป็นการค้นพบเค้กเก่าและแม่พิมพ์เค้กในช่วงเวลาก่อนคริสศตวรรษในกลุ่มอารยธรรมชาวอียิปต์ ครั้งที่อาณาจักรอียิปต์รุ่งเรือง และเมื่อถึงศตวรรษที่18 ในปี ค.ศ. 1843 เค้กวันเกิดและรวมถึงขนมอบที่ทำจากแป้งได้เปลี่ยนโฉมหน้าทันสมัยขึ้นด้วยการใส่เบคกิ้งโซดา หรือผงฟูแทนการใส่ยีส ต้นกำเนิดของผงฟูหรือเบกิ้งโซดา มาจากนักวิทยาศาสตร์สาขาเคมีที่ชื่อ นายอัลเฟรด เบิร์ดชาวอังกฤษ เป็นผู้คิดค้นเบกิ้งโซดาขึ้น เนื่องจากภรรยาของเขาแพ้ยีสขั้นรุนแรง เขาจึงค้นคิดเบกิ้งโซดาขึ้นใช้แทน
จากความเป็นมาเหล่านั้นทั่วโลกจึงได้รู้จักเค้กวันเกิดกันแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ จากซีกโลกทางฝั่งตะวันโดยเฉพาะยุโรปซึ่งเป็นต้นกำเนิดเค้กวันเกิดและเป็นแหล่งสำคัญของความเจริญและอารยธรรม ทว่าสงสัยกันไหมว่า เค้กวันเกิดรวมถึงการเฉลิมฉลองวันเกิดด้วยการเป่าเค้กวันเกิดสำหรับคนไทยเรานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ย้อนกลับไปในช่วงเวลาประมาณ 60 กว่าปีที่แล้วเป็นต้นไป คนไทยเรายังไม่มีใครที่จะได้รู้จักและลิ้มรสของเค้กวันเกิด แม้ว่าเท้าทองกีบม้าหญิงสาวลูกครึ่งยุโรปและเปอร์เซียผู้เป็นบุคคลสำคัญในวงการขนมของไทยจะได้คิดค้นขนมที่ผสมผสานส่วนผสมไทย ๆ กับขนมตะวันตกมามากมายแล้ว แต่ไม่ได้มีขนมประเภทเค้กอยู่ในรายการเหล่านั้นเลย เพราะขนมไทยที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยเท้าทองกีบม้าจะใช้กรรมวิธีในการ นึ่ง ทอด และต้มทั้งสิ้น คนไทยและชาติทางภูมิภาคของเรายังไม่รู้จักประดิษฐกรรมที่เรียกกันว่าเตาอบนั่นเอง คนไทยบางคนเริ่มรู้จักเค้กก็เฉพาะกลุ่มของนักเรียนนอกที่ได้ไปเรียนยังทวีปยุโรป ซึ่งมีมาในช่วงรัชกาลที่ 5 และ 6 แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเพราะเมืองไทยก็ยังหาเตาอบได้ยาก เค้กวันเกิดหรือเค้กทั่วไปจึงหากินได้เฉพาะในยุโรปหรือต่างประเทศเท่านั้น ครั้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยเริ่มเต็มไปด้วยต่างชาติที่เข้ามามากมาย โดยเฉพาะชาวอเมริกันที่เข้ามาหลังจากที่ชาติญี่ปุ่นแพ้สงคราม กลุ่มชาวยุโรปและอเมริกาก็เข้ามาพร้อมกับสิ่งต่าง ๆ มากมายจากโลกตะวันตกรวมถึงเจ้าเตาอบขนมรุ่นโบราณเหล่านั้นด้วย นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักขนมอบรูปร่างหน้าตากลม ๆ รสสัมผัสนุ่มฟูที่เรียกว่า เค้ก นั่นเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหากินกันได้ยากเฉพาะในหมู่ไฮโซ เค้กและการฉลองวันเกิดในแบบตะวันตกที่มีการเป่าเค้กและตัดเค้กฉลองในประเทศไทยได้รับความนิยมจริง ๆ ก็เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา จากการเข้ามาของฐานทัพทหารอเมริกันตามเมืองท่าต่าง ๆ ในยุคสงครามเวียดนาม การเป่าเค้กวันเกิดและการฉลองวันเกิดกลายเป็นวัฒนธรรมสากลที่ไม่เพียงแต่คนไทย แต่คนทั่วโลกนิยมทำกันในที่สุด
คำว่าเค้กมีที่มาจากกลุ่มชาวไวกิ้งซึ่งก็คือบรรพบุรุษของชาวสแกนดิเนเวียน เช่น สวีเดนและเดนมาร์ค นอร์เวย์ คำที่ใช้เรียกเค้กก็คือ KAKA ขั้นตอนการฉลองวันเกิดด้วยการเป่าเค้กและเพลงอวยพรวันเกิดก็มีที่มาที่น่าสนใจเช่นกัน สำหรับการเป่าเค้กวันเกิดหรือสาเหตุที่มีการปักเทียนบนเค้กนั้นเชื่อกันว่า เป็นการประยุกต์มาจากพิธีกรรมทางศาสนา เมื่อมีการอธิษฐานขอพรในศาสนสถานก็จะต้องมีการจุดเทียนเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย บนหน้าเค้กจึงมีเทียนเพื่อจุดบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประสาทพรเนื่องในวันเกิดแก่เจ้าของวันเกิด และเป็นการเพิ่มความศํกดิ์สิทธิ์ของคำอธิษฐานขอพรในวันเกิดให้สำฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น จำนวนของเทียนที่จุดบนหน้าเค้กวันเกิด นิยมใช้จำนวนปีที่เกิดและเพิ่มขึ้นอีก 1 เล่มเสมอ เพราะจะเป็นการอวยพรให้มีอายุยืนถึงปีถัดไปด้วย
อีกสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงก็คือ เพลงอวยพรวันเกิด เพลงอวยพรวันเกิดที่มีเนื้อเพลงสั้น ๆ ง่าย ๆ เพียงประโยคเดียวว่า Happy Birthday to you ร้องวนไปมาในทำนองที่ลงตัว ถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากมายทั่วโลกจนหนังสือ กินเนส บุ้ค เรคคอร์ด ได้บันทึกว่าเป็นเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งถูกร้องมากที่สุดในโลกนั้นถูกแต่งขึ้นมาโดยพี่น้องสองคน พวกเขาเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยมชื่อว่า แพตตี้ และ มิลเดร็ด ฮิลล์ แต่งขึ้นในปี พ.ศ. 2463 แต่ได้เอาเฉพาะทำนองเพลงของสองพี่น้องฮิลล์มาใช้เท่านั้น ส่วนเนื้อร้องแรกเป็นเนื้อร้องที่แต่งสำหรับกล่าวทักทายเด็กนักเรียนในตอนเช้าว่า Good morning to all ภายหลังไม่ปรากฎว่าใครเป็นคนนำมาเปลี่ยนเนื้อร้องและใช้ร้องอวยพรวันเกิด แต่ที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ก็คือ เพลงอวยพรวันเกิดที่นำมาร้องกันทั่วโลกนี้มีลิขสิทธิ์ด้วย ผู้ที่จดลิขสิทธิ์เพลงอวยพรวันเกิดนี้อย่างถูกต้องก็คือบริษัทซัมมีในปี พ.ศ. 2478 บริษัทวอลเนอร์ มิวสิค ได้ซื้อบริษัทนี้ไว้แล้วในปี พ.ศ. 2533 ด้วยราคา 15 ล้านดอลล่าร์ และเป็นมูลค่าเฉพาะเพลงนี้ถึง 5 ล้านดอลล่าร์ทีเดียว ลิขสิทธิ์ของเพลงอวยพรวันเกิดในการครอบครองของวอลเนอร์มิวสิคจะหมดอายุในปี พ.ศ. 2578 แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ในงานวันเกิดครั้งต่อ ๆ ไปของคุณและญาติพี่น้อง ก็ยังสามารถเฉลิมฉลองด้วยเค้กวันเกิดที่มีการเดินทางของประวัติอันยาวนานรวมถึงเพลงอวยพรและการเป่าเทียนขอพรได้เช่นเดิม