เที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเอง ไปทัวร์คนเดียวได้ทุกช่วง

เที่ยวฝรั่งเศส ดินแดนแห่งแฟชั่น และหอไอเฟลฝรั่งเศส มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก แผ่นดินใหญ่ทอดตัว ตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน–ช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ ชาวฝรั่งเศสเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม เนื่องจากรูปทรงของประเทศคล้ายรูปหกเหลี่ยม ปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์ว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง เมืองหลวงของฝรั่งเศสคือเมืองปารีส มีประชากรประมาณ 64.5 ล้านคน ส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสและเราไปเที่ยวโปแลนด์ด้วยนะ

พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์ สร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2204 ใช้เวลาในการสร้าง 30 ปี เงินค่าสร้าง 500ล้านฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน ทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก ภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ได้แก่ ห้องนอน ห้องอาหาร ห้องสำราญ ห้องหนังสือ ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ และอื่นๆ ทุกห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย เป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวเข้าไม่น้อยกว่าปีละ 1,000,000 คน

ประตูชัย

ประตูชัยเป็นส่วนหนึ่งของ แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์เป็นถนนเส้นตรงจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และลึก 22 เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแบบของประตูชัยได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไททัส

ถนนชองป์ส เอลิเซ่ส์

ถนนชองป์ส เอลิเซ่ส์ (Avenue des Champs-Élysées) เป็นถนนในเขตที่ 8 ของปารีส แหล่งย่านการค้าที่ประกอบไปด้วยโรงละคร คาเฟ่ และร้านค้า สองข้างทางมีต้นเชสต์นัต ซึ่งถนนชองป์ส เอลิเซ่ส์กล่าวได้ว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก

มหาวิหารโนตเรอดาม

มหาวิหารโนตเรอดามเป็นมหาวิหารสมัยกอธิคทางฝั่งตะวันออกของปารีส ปัจจุบันใช้เป็นวัดของนิกายโรมันคาทอลิกมหาวิหารนอเทรอดามเป็นวัดที่สวยงามที่สุดในสิ่งก่อสร้างของฝรั่งเศส หน้าต่างประดับกระจกสี มีอิทธิพลมาจากศิลปะแบบแนทเชอราลลิสม์

บาโต มูช

บาโต มูชคือการล่องชมเมืองปารีส คุณจะล่องน้ำไปตามแม่น้ำแซนเพื่อชมรอบเมืองปารีสเรือนำเที่ยวเป็นที่นิยมมากในปารีส บนเรือจะมีที่นั่งเยอะมาก และมีส่วนเปิดและปิดหลังคาให้เลือกนั่ง ใช้เวลาแล่นรอบเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง มีการให้บริการอาหารกลางวัน และอาหารเย็นบนเรืออีกด้วย ตลอดทางคุณจะได้พบกับ หอไอเฟล, พิพิธภัณฑ์ลูฟ, สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และมหาวิหารนอร์ทเทอดาม เป็นต้น

โอเบริกส์แห่งลักซอร์

โอเบริกส์แห่งลักซอร์เป็นโอเบลิกส์ศิลปะอียิปต์โบราณอยู่ตรงกลางของจตุรัส คองคอร์ด สร้างจากหินแกรนิตสีแดงทั้งก้อน ตกแต่งด้วยรูป ฮีโรกลีฟิก เพื่อสรรเสริญประเกียจติ์ฟาโร รามเสสที่ 2

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์อันนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด อยู่ในกรุงปารีส ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง แต่ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า เช่น ภาพเขียนโมนาลิซา เป็นต้นมีนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 8,000,000 คนต่อปี

หอไอเฟล

หอไอเฟลอันนี้ก็พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงตั้งอยู่บนถนนชองป์เดอมารส์ ในกรุงปารีส ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสเลยก็ว่า เพราะเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ละปี มีนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 6,000,000 คน มีความสูง 324 เมตร รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้าง 7,300 ตัน จำนวนบันไดในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

ปราสาทเชอนองโซ

ปราสาทเชอนองโซถือว่าเป็นปราสาทที่สง่างามที่สุดตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแชร์ เริ่มสร้างตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 16 เน้นไปในเรื่องของสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีฐานโค้งรองรับตัวปราสาท ส่วนตัวเสาฝังอยู่ที่ก้นแม่น้ำ จึงทำให้ตัวของปราสาทดูคล้ายกับว่ากำลังลอยอยู่เหนือน้ำ บริเวณโดยรอบของปราสาทมีสวนและป่าละเมาะแวดล้อมอยู่ตลอด ภายในมีข้าวของเครื่องใช้ที่เก่าแก่และภาพวาดจำนวนมาก

มงแซงต์ มิเชล

มงแซงต์ มิเชลคือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะอันโดดเดี่ยว อยู่กลางทะเลชายฝั่งตะวันตกบาส-นอร์มองดีของประเทศ ฝรั่งเศส และได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี เป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ เทียบได้กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ แห่งกรุงโรม มีนักท่องเที่ยวเข้าชมประมาณ 3 ล้าน 2 แสนคน ต่อปี จึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมอันดับที่ 3 ของฝรั่งเศส ตัววิหารเป็นหินแกรนิต มีเส้นรอบวงเกาะ 960 เมตร และสูง 92 เมตร บนยอดวิหารมีรูปปั้นทองของเทวดามิเชล

เมืองนีซ

เมืองนีซเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเยี่ยม เช่น ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ตลาดกลางแจ้ง และชีวิตในยามค่ำคืน นอกจากนั้นเรายังได้สัมผัสถึงอิทธิพลจากชาวอิตาเลี่ยนและมีงานเทศงานคาร์นิวัลมากมายในเดือนกุมภาพันธ์ และเทศกาลเพลงแจ๊สในเดือนกรกฎาคม และยังมีงานแสดงศิลปะตลอดทั้งปีอีกด้วย

เมืองโดวิลส์

เมืองโดวิลส์คือเมืองตากอากาศริมทะเลที่เหล่านางแบบนิยมมาถ่ายรูปลงนิตยสารกัน จนต้องมีการสร้างสะพานไม้เพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะ คุณสามารถเดินเที่ยวชมเมืองเล็กๆ ที่หรูหรามากมาย และยังแวดล้อมไปด้วยกลิ่นอายของเหล่าชนชั้นสูงตัวเมืองเรียงรายไปด้วยร้านค้าที่ขายสินค้ายี่ห้อดังๆ

เที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเอง

หากจะเดินทางมาเที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเองบอกเลยว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องจำเป็นที่คุณต้องรู้

เวลา

ช้ากว่าประเทศไทย 5 – 6 ชั่วโมง

สกุลเงิน

ใช้ธนบัตรและเหรียญเงินสกุลยูโร (€)

การเดินทางในฝรั่งเศส

ทางรถยนต์

ถนนมีสภาพดีเยี่ยม ช่วงเวลาที่รถติดมากที่สุดคือ 7.30 น. – 9.00 น. และ 17.30 น. – 19.30 น. โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนรอบเมืองใหญ่ๆ การจอดรถในที่ต่างๆ มีกฎระเบียบที่เคร่งครัด และจะต้องเสียค่าจอดรถเป็นส่วนใหญ่ สถานที่ที่อนุญาตให้จอดรถได้จะมีสัญลักษณ์แสดงอยู่ที่พื้นถนน เป็นเส้นประสีขาวๆ และคุณจะต้องหยอดเงิน และรับตั๋วที่ตู้เก็บค่าจอด

ทางเครื่องบิน

แอร์ฟรานซ์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของ ฝรั่งเศส มีเที่ยวบินเชื่อมระหว่างเมืองสำคัญต่างๆ โดยใช้เวลาบินเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง

ทางรถไฟ

เป็นที่นิยมกันมากสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะว่า เครือข่ายเส้นทางรถไฟครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางแทบทุกจุด

เอกสารสำคัญประจำตัว

พลเมืองสหภาพยุโรปสามารถเข้าฝรั่งเศสได้ แค่แสดงบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนสัญชาติไทยจะต้องขอวีซ่าก่อน ผู้เยาว์ที่เดินทางตามลำพังต้องมีหนังสือยินยอม

ค่าธรรมเนียมการบริการ

ตามกฏหมายฝรั่งเศส ร้านอาหารคิดค่าเซอร์วิสชาร์จได้ ประมาณ 10-15% จากราคาอาหาร คนส่วนมากจะนิยมทิปโดยการทิ้งเศษเหรียญเอาไว้

โทรศัพท์

โทรศัพท์สาธารณะมี 2 แบบ ใช้บัตร และแบบหยอดเหรียญ บัตรโทรศัพท์มี 2 แบบ คือ 40 ฟรังค์ มี 50หน่วย และ 96 ฟรังค์ มี 120 หน่วย หาซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ไปรษณีย์ และแผงขายหนังสือทั่วไป หรือสถานีรถไฟ หากโทรศัพท์กลับประเทศไทยจะต้องกด 19+66+รหัสเมือง+หมายเลขปลายทาง

วีซ่า

ทำเรื่องขอได้ที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โทร 0-2627-2150 หรือเว็บไซต์ http://ambafrance-th.org

บัตร Museum Pass

ปารีสเป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์ จึงมีกฎให้เยาวชนที่อายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ฟรี คนอายุ 18 – 25 ปี มีส่วนลดให้ แต่ถ้าอายุเกินขอแนะนำบัตร Museum Pass ซึ่งจะทำให้เข้าชมได้มากกว่ากว่า 60 แห่ง จุดที่ขายจะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ทั่วไป

ไฟฟ้า

ใช้ระบบเดียวกับบ้านเมืองไทย 220 โวลต์ เป็นปลั๊กหัวกลม

เวลาทำการ

สถานที่ประกอบการทั่วไป เปิดทุกวันจันทร์ – เสาร์ 09.00-18.00 น. พักกลางวัน 1-2 ชั่วโมง

ไปรษณีย์ เปิดวันจันทร์ – ศุกร์ 08.00-19.00 น. วันเสาร์เปิด 08.00-12.00 น.

ธนาคาร เปิด วันจันทร์ – ศุกร์ 09.00-16.30 น.

ห้างสรรพสินค้า เปิดวันจันทร์-เสาร์ 09.00-18.00 น.

วันอาทิตย์ปิดทุกอย่าง มีเฉพาะร้านที่ย่าน Marais เท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการ

เที่ยวฝรั่งเศสเดือนไหนดี

ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มวันที่ 21 มีนาคม – 21 มิถุนายน อากาศอบอุ่นขึ้น ต้นไม้ที่โกร๋นใบ ในฤดูหนาวจะเริ่มผลิใบอีกครั้ง ปลายมีนาคม และเมษายนอากาศไม่แน่นอน อากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้ บางทีอาจมีฝนตกบ้างก็เป็นได้ อากาศจะดีจริง ๆ ในเดือนพฤษภาคม  ในฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงามมาก ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส  พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง มีงานฉลองมากมาย

ฤดูร้อน เริ่มวันที่ 22 มิถุนายน – 22 กันยายน มีกลางวันยาวมาก กลางคืนจะสั้นประมาณ 6 – 7 ชั่วโมงเท่านั้น 3 – 4 ทุ่มพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน นักท่องเที่ยวนิยมไปชายทะเล เป็นฤดูแห่งวันหยุด ฤดูร้อนบางปีอาจจะมีฝนตกบ่อย ๆ อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนประมาณ  30  องศาเซลเซียส

ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มต้นวันที่ 23 กันยายน – 21ธันวาคม มีอากาศที่สดใส ท้องฟ้าสีเทา ลมแรง ใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง กลางวันสั้น กลางคืนยาว ใบไม้แห้งและร่วง ตอนต้นฤดูอากาศมักจะดี ทางใต้อากาศจะไม่หนาว แต่ว่ามีลมแรง ชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งนิยมออกล่าสัตว์

ฤดูหนาว เริ่มวันที่ 22 ธันวาคม – 20 มีนาคม ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง กลางวันจะสั้นมากขึ้น มีท้องฟ้ามืดครึ้ม มีความหนาว มีฝนและหิมะ เป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นกีฬาฤดูหนาว เมืองที่อยู่บริเวณภูเขาจะคึกคักและมีชีวิตชีวาครอบครัวจะพาลูก ๆ  ไปเล่นสกีบนภูเขา สำหรับผู้ที่เดินทางโดยการขับรถจะต้องมียางรถที่ใช้บนถนนที่ลื่น บนทางหลวงจะมีกระสอบทราย และมีกระสอบเกลือวางไว้ประจำ ในฤดูหนาวเป็นฤดูแห่งงานฉลองเลยก็ว่าได้เพราะเกือบทุกงานเทศกาลจะอยู่ในฤดูนี้

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมคะ ว่าจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสฤดูไหนดีแต่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยด้วยนะคะ มุ๊เมี๊ยวขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพเจ้าค่ะ