เที่ยวสตูลจังหวัดปลายด้ามขวานฝั่งทะเลอันดามันแห่งนี้ ที่เที่ยวสตูลนั้นสวยงามมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศมากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติต่างแวะเวียนมาเที่ยวไม่ขาด สตูลมีเกาะถึง 88 เกาะ แต่กลับเป็นจังหวัดที่ไม่มีแม่น้ำใดไหลผ่าน ความสวยงามใคร่ไปเยือนของสตูลมีที่ใดบ้าง ลองติดตามมาด้วยกัน
เนื้อหาในหน้าเพจนี้
ถ้ำเลสเตโกดอน

การผจญภัยที่ตื่นเต้นรออยู่ ณ ที่นี่ ถ้ำเลสเตโกดอน เพราะที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้พายเรือคายัคเข้าไปในถ้ำที่ยาวที่สุดในปะเทศไทย มีความยาวถึง 4 กม. นอกจากการได้พายเรือเข้าไปในถ้ำที่ดูลึลับแล้ว ยังได้ไปชมฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอายุมากกว่า 500 ล้านปีด้วย ที่มาของชื่อถ้ำเล-สเตโกดอนนั้นมาจากลักษณะของถ้ำที่มีน้ำทะเลภายในและสเตโกดอน เป็นชื่อของช้างสมัยดึกดำบรรพ์พ์ขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 500 ล้านปีที่ค้นพบซากฟอสซิลของมันอยู่ภายในถ้ำ ปากถ้ำนั้นเริ่มต้นทางที่หมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า ระยะทางในการเดินระหว่างเดินไปยังทางลงถ้ำ ผู้มาเยือนจะได้ชื่นชมมธรรมชาติของป่าโปร่งที่สวงามและข้ามสะพานแขวนที่มีวิวสวย ก่อนจะไปพบกับทางลงปากถ้ำและต่อด้วยการพายเรือคายัคเข้าไปยังด้านใน
เกาะหอขาว/หาดหอขาว

เที่ยวเกาะหอขาว/หาดหอขาว ชื่นชมเปลือกหอยจำนวนมากที่ทับถมกันนับไม่ถ้วยมาเป็นเวลากว่า ล้าน ๆ ปี ทำให้เกิดเกาะที่เป็นเสมือนที่รวมของฟอสซิลและเปลือกหอยละลานตา ทั้งหาดกลายเป็นสีผสานของเปลือกหอย มีหอยมากกว่า 20 ชนิดที่ทับถมจนตกตะกอนฝัง ในพื้นที่ ๆ กว้างกวา 20 ไร่ น่าจะเป็นเพราะกระแสน้ำที่พัดพาเปลือกหอยจากทะเลอันดามันมากองสะสมกันไว้ที่นี่ เปรียบเสมือนสุสานหอยอายุล้านปี ในเกาะนี้ไม่พบพืชหรือต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ เลยจะมีก็เพียงไม้พุ่มเตี้ย ๆและผักบุ้ง เท่านั้น หากเปรียบไปแล้วเกาะนี้ก็คือกองซากเปลือกหอยขนาดมหึมาที่ท้องทะเลพัดเอามารวมกันไว้นั่นเอง เกาะแห่งนี้จึงไม่มีทรายและชายหาด เกาะหอขาวตั้งอยู่บริเวณ ตำบลเกาะสาหร่าย อ.เมือง
ถ้ำภูผาเพชร ลานแสงมรกต

เที่ยวถ้ำภูผาเพชร ลานแสงมรกต เยือนถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในระเทศไทยและมีความใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีชื่อเสียงเลื่องลือทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ความสวยงามภายในถ้ำที่คดเคี้ยวเมื่อแสงตกกระทบภายในถ้ำเพดานและหินงอกย้อยจะสะท้อนแสงเหมือนประกายเพชร มีทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวให้ตลอดเส้นทาง มีไกด์นำพาเข้าชมและบรรยายให้ทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ ในถ้ำ หากได้มายืนอยู่ตรงโถงส่วนกลางของถ้ำจะต้องทึ่งในควาใหญ่โตและอลังการที่ได้สัมผัส ซึ่งไม่มีที่ไหนในเมืองไทย จึงไม่แปลกใจเลยที่ถ้ำภูผาเพชรเป็นถ้ำใหญ่อันดับ 4 ของโลกดังที่กล่าวไป ไฮไลท์ของถ้ำจะอยู่ที่ปลายสะพานนั่นก็คือลานแสงมรกต ในเวลาประมาณบ่ายสามโมงแสงอาทิตย์จะลอดผ่านมากระทบทำมุมกับหินรูปทงพญาครุฑ เกิดแสงสีเขียวขึ้นทั่วทั้งหินได้ภาพที่สวยงามตื่นตาตื่นใจเหมือนลานนี้เต็มไปด้วยประกายแสงมรกตสีเขียว เป็น Unseen in Thailand ที่ไม่ควรพลาด
อุทยานแห่งชาติทะเลบัน

อุทยานแห่งชาติทะเลบันเป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ขอบชายแดนระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย มีสะพานไม้ให้ได้เดินชมและศึกษาธรรมชาติท่ามกลางป่า แม้จะมีชื่อขึ้นว่าทะเล แต่แท้จริงที่นี่เป็นป่าอันชุ่มชื่น นอกจากเส้นทางเดินในการศึกษาธรรมชาติแล้วยังเป็นแหล่งที่เหมาจะดูนก เพราะมีนกมามายอาศัยอยู่ มีบึงขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้น้ำขึ้นโดยทั่ว และยังมีที่พักสำหรับค้างแรมที่เป็นทั้งลักษณะบ้านพักเป็นหลังงและลานสำหรับกางเต้นท์ตั้งแคมป์ ซึ่งจัดโดยทางอุทยานด้วย อุทยานแห่งชาติทะเลบันอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองไปประมาณ 40 กม.
ท่าเรือปากบารา

หากมาถึงสตูลและต้องการจะไปเที่ยวทั่วทุกที่ในหมู่เกาะตะรุเตา จะต้องเริ่มต้นจากท่าเรือปากบารา เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมเรือทั้งเล็กและใหญ่ เรือเร็วสปีทโบ๊ทและเรือเช่าเหมาลำ ท่าเรือริมน้ำแห่งนี้ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีขนาดพิ้นที่กว้างขวางและใกล้ ๆ กันมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวปรึกษาสอบถามเส้นทางและข้อมูลอื่น ๆ โดยสะดวก นอกจากนั้นยังมีที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ อีกด้วย การเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ จากจุดนี้ เกาะตะรุเตาระยะทาง 22 กม. เกาะอาดัง 65 กม. เกาะราวี 67 กม. และเกาะหลีเปะ 75 กม.
แหลมตันหยงโป

แหลมตันหยงโปเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเลอันดามันตรงปากอ่าวของจังหวัดสตูล หาดทรายสีน้ำตาลทอดยาว มีกลุ่มหมู่บ้านชาวประมงอาศัยอยู่ ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวนับพัน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบบรรยากาศดีเหมาะที่จะมาเดินเล่มดูธรรมชาติและวิถีชาวบ้าน ริมชายหาดและบริเวณใกล้ ๆ มีร้านอาหารและซุ้มไผ่มุงจากให้ได้นั่งพักทานอาหารด้วย การเดินทางมายังแหลมตันหยงโปมี 3 ทางคือทางบกจากตัวเมืองสตูลมาทางท่าเรือเจ๊ะบิลังประมาณ 8 กม.จะถึงทางแยกไปยังบ้านตันหยงโป อีกทางเรือให้นั่งเรือจากด่านศุลกากรเกาะนก หากนั่งเรือจากหลังตลาดสตูลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า ในพื้นที่จังหวัดสตูลนั้นเดิมเมื่อสมัยดึกดำบรรพ์ได้มีช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์ดึกดำบรพ์มากมายหลายชนิดอาศัยอยู่ ถ้าได้มายังจังหวัดสตูลจะต้องไม่พลาดที่จะมาชมและสัมผัสพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะที่นี่ได้รวบรวมซากฟอสซิล โครงกระดูกสมัยดึดำบรรพ์ไว้ ทั้ง ฟอสซิลช้างสเตโกดอน ขวานหินโบราณ กรามของแรดโบราณ และมีการแสดงนิทัศน์การที่น่าสนใจมากมายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ทุ่งหว้าองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า
เกาะไข่

หากนั่งเรือจากเกาะตะรุเตามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพียง 15 กม.ก็จะถึงเกาะไข่ ที่นี่มีสัญลักษณ์ของหมู่เกาะตะรุเตาคือซุ้มหินที่เรียกกันว่า ซุ้มรักนิรันดร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาขนาดใหญ่ ส่วนปลายของซุ้มหินโค้งลงไปยังน้ำทะเลตรงชายหาด กล่าวกันว่าหากคู่รักได้มาเยือนและลอดซุ้มแห่งนี้ด้วยกันจะมีความรักที่สุขสมหวังและเป็นนิรันดร์ ในเกาะไข่แห่งนี้ยังมีสิ่งที่พิเศษคือเมื่อถึงหน้าวางไข่ เต่าทะเลจำนวนมากจะว่ายน้ำมายังเกาะไข่แห่งนี้เพื่อวางไข่ ส่วนด้านตะวันตกของเกาะผู้มาเยือนจะได้พบกับหาดที่สวยงามน่าทึ่งและทรายขาวนวลเหมาะที่จะลงเล่นน้ำ การมาเยือนยังเกาะไข่ก็มาได้โดยทางเรือ ทีนี่เป็นหนึ่งในจุดหมายที่อยู่ตามเส้นทางเรือระหว่างเกาะตะรุเตาและเกาะหลีเปะ
เกาะไข่! เกาะที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักใกล้กับสตูลแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากฝูงชนนักท่องเที่ยว ความสันโดษไม่ได้หมายความว่าจะขาดกิจกรรมต่างๆ นี่คือวิธีที่คุณสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเยี่ยมชมของคุณ
- อาบแดด: เมื่อมีผู้คนน้อยลง คุณจึงสามารถหาจุดที่ดีเยี่ยมสำหรับปูผ้าเช็ดตัวและอาบแดดได้อย่างง่ายดาย
- วอลเลย์บอลชายหาด: โดยทั่วไปคุณจะพบตาข่ายติดตั้ง เพียงนำลูกบอลและเพื่อน ๆ มาเล่นเกมสบาย ๆ
- ดำน้ำตื้น: แนวปะการังรอบๆ เกาะไข่ค่อนข้างสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
- พายเรือคายัค: น้ำนิ่งรอบเกาะเหมาะสำหรับการพายเรือคายัค โดยเฉพาะในช่วงเช้า
- เที่ยวเกาะ: ในขณะที่คุณอยู่ที่เกาะไข่ คุณอยู่ไม่ไกลจากเกาะอื่นๆ เช่น เกาะหลีเป๊ะ หรือเกาะอาดัง ผู้ประกอบการท้องถิ่นหลายรายเสนอการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ
- เดินชมธรรมชาติ: เกาะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่คุณยังสามารถเดินสำรวจความงามตามธรรมชาติได้
ภาพพระอาทิตย์ขึ้น/พระอาทิตย์ตก: ด้วยธรรมชาติที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่า เกาะไข่จึงมอบทิวทัศน์อันสวยงามไร้สิ่งกีดขวางในช่วงเวลาทองคำอันมหัศจรรย์เหล่านั้น - การถ่ายภาพใต้น้ำ: ด้วยน้ำทะเลใสและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่มีชีวิตชีวา ที่นี่จึงเป็นสถานที่ในฝันสำหรับการถ่ายภาพใต้น้ำ
- การตกปลาในท้องถิ่น: มีส่วนร่วมกับชาวประมงในท้องถิ่นและเรียนรู้วิธีการตกปลาแบบดั้งเดิม บางคนอาจยอมให้คุณร่วมทริปด้วย
- บาร์บีคิวอาหารทะเล: จับปลาท้องถิ่นและทานบาร์บีคิวริมชายหาด
- อาหารท้องถิ่น: อย่าพลาดโอกาสลิ้มลองอาหารท้องถิ่นจากร้านอาหารชั่วคราวหรือจากคนในท้องถิ่น
- บริการนวดริมชายหาด: ผู้ขายในท้องถิ่นบางแห่งมีบริการนวดบนชายหาด ไม่มีอะไรจะผ่อนคลายได้เท่ากับเสียงคลื่นที่อยู่เบื้องหลัง
- ปฏิสัมพันธ์ในท้องถิ่น: เกาะนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ทำให้เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการโต้ตอบกับคนในท้องถิ่นและเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพวกเขา
- การสังเกตท้องฟ้ายามค่ำคืน: ท้องฟ้ายามค่ำคืนบนเกาะไข่มีมลภาวะทางแสงน้อยที่สุด นำกล้องโทรทรรศน์มาด้วยถ้าทำได้!
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นนักผจญภัยที่มีหัวใจหรือเพียงแค่ต้องการพักผ่อน เกาะไข่ก็มีทุกสิ่งให้คุณเลือก เป็นสวรรค์ที่ถูกมองข้ามซึ่งจะช่วยให้คุณได้สัมผัสประเทศไทยในบรรยากาศที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เชื่อฉันสิ คุณจะไม่เสียใจที่ใช้เวลาอยู่ที่นั่น!
เกาะหินงาม

ความแปลกไม่เหมือนใครที่ทำให้เกาะหินงามแห่งนี้โดดเด่นสะดุดตาและน่ามาเยือนก็คือ หินบนหาดที่เกาะแห่งนี้ทุกก้อนเป็นสีเข้าและส่วนใหญ่เป็นสีดำ ตลอดหาดไม่มีทรายแต่กลับเต็มไปด้วยก้อนหิน เมื่อคลื่นกระทบเข้าฝั่งและชะเอาหินสีดำ จะเกิดความมันประกายสวยงาม ว่ากันว่าหินบนเกาะนี้หากใครนำติดตัวกลับไปจะต้องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา ที่แต่หากใครที่มาเยือนที่เกาะหินงามแล้วนำหินมาซ้อนกันได้ 12 ก้อนสูงโดยไม่ล้ม ก็สามารถอธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนาได้สมหวัง การเดินทางมาที่เกาะหินงาม นิยมเช่าเหมาเรือหางยาวจากเกาะหลีเปะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
เกาะหินซ้อน

สัญลักษณ์และที่มาของชื่อเกาะหินซ้อนนั้นมาจากก้อนหินที่ตั้งอยู่บนเกาะสองก้อนยักษ์ ที่ซ้อนกันอยู่และดูเหมือนก้อนบนจะหล่นลงมาได้ทุกเมือ ในขณะที่ก้อนล่างก็มีรอยแตก แต่ความแปลกของธรรมชาติก็คือ แม้จะผ่านกาลเวลาและแผ่นดินไหวหลายครั้งหินก้อนบนก็ไม่เคยหล่นลงมาจากก้อนล่างเลย นอกจากไปดูความแปลกของหินซ้อนแล้ว ความสวยงามที่ควรค่าแก่การมาเยือนเกาะหินซ้อนก็คือ แนวปะการังที่มีอยู่โดยรอบเกาะ ทั้งปะการังชนิดแข็งและปะการังชนิดอ่อน มีดอกไม้ทะเลอันเป็นที่อยู่ของปลาการ์ตูน ทำให้บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของปลาการ์ตูนแสนน่ารักให้ได้ดำน้ำชมกันด้วย ปะการังที่มีอยู่โดยรอบแม้ไม่หนาแน่นแต่ก็กระจายอยู่ทั่วและระดับน้ำไม่ลึกเหมาะที่จะจัดทริปมาชมปะการังและปลาการ์ตูน ทางทิศใต้ของเกาะก็ยังมีปะการังอ่อนมากมายปะปนกับปะการังแข็งที่มีอยู่ประปลาย รวมทั้งกอดอกไม้ทะเลและดาวขนนกด้วย เดินทางมายังเกาะหินซ้อนได้โดยเรือจากเกาะหลีเปะและเกาะปาดัง และยังมีทริปดูปะการังที่เกาะหินซ้อนซึ่งซื้อได้จากสองเกาะดังกล่าวด้วย
หาดสันหลังมังกร

หาดสันหลังมังกรเป็นสันทรายคล้ายทะเลแหวก ทำให้ผู้มาเยือนจิตนาการว่านี่คือสันหลังของมังกรตัวใหญ่ที่ร่อนจากฟ้าลงมาเล่นน้ำ ความยาวของสันหลังมังกรนั้นยาวถึงกว่า 3 กม. คดเคี้ยวไปมาเหมือนมังกรและสามารถเดินไปถึงยังอีกเกาะหนึ่งได้สบาย ๆ ในยามที่น้ำลด หากได้มาเดินบนสันทรายที่ขนานนามว่าสันหลังมังกรนี้ดูสักครั้ง ก็จะได้ความรู้สึกสนุกและแปลกเมื่อสองข้างฝั่งยังคงเป็นน้ำทะเลและเบื้องหน้าก็เป็นเกาะสีเขียว สันหลังมังกรแห่งนี้อยู่ที่ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง
เกาะหลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะคือเกาะชื่อดังแห่งจังหวัดสตูลที่ไม่ว่าใครหากได้มาเยือนยังจังหวัดสตูลจะต้องไม่พลาดมาเที่ยวยังเกาะแห่งนี้ ที่นี่มีฉายาว่ามัลดีฟเมืองไทยเพราะความสวยงามที่ตราตรึงผู้มาเยือน แนวปะการังที่สมบูรณ์เหมาะแก่การดำน้ำชมปะการัง ที่มีดอกไม้ทะเลและเป็นแหล่งอาศัยของปลาการ์ตูน น้ำทะเลที่สวยใสยิ่งกว่ามองผ่านกระจกแก้วสีเขียวอ่อน เวิ้งอ่าวของเกาะแห่งนี้สวยงามมาก มีหาดสำคัญรวมอยู่ 4 หาดคือ หาดซันไรท์ หาดซันเซ็ท หาดพัทยา และหาดคาร์มา ทรายของเกาะหลีเปะขาวและละเอียดเป็นพิเศษเหมือนแป้งละเอียดนวล ที่ตั้งหาดหลีเปะนั้นอยู่ทิศใต้ของหาดกาดัง และห่างจากฝั่งเมืองสตูลปราณ 62 กม. เป็นเกาะที่อยู่ใต้สุดของทะเลไทยฝั่งอันดามันเกือบถึงน่านน้ำสากล
เกาะหลีเป๊ะมีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง
- Sunset Beach Chill: มุ่งหน้าไปยัง Sunset Beach เพื่อชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งที่คุณเคยเห็น สีสันบนท้องฟ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ
- ดำน้ำตื้น: ด้วยจุดต่างๆ เช่น หาดพัทยาและหาดซันไรส์ คุณสามารถเข้าถึงแนวปะการังที่มีชีวิตชีวาซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลได้อย่างรวดเร็ว
- ดำน้ำลึก: แหล่งดำน้ำรอบเกาะหลีเป๊ะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในประเทศไทย สถานที่ยอดนิยม ได้แก่ 8 Mile Rock และ Stonehenge
- เที่ยวเกาะ: ทริปหนึ่งวันไปยังเกาะใกล้เคียง เช่น เกาะอาดังหรือเกาะราวี มีชายหาดที่บริสุทธิ์และโอกาสในการดำน้ำตื้นมากยิ่งขึ้น
- เดินป่าจุดชมวิวเกาะอาดัง: ทริปหนึ่งวันไปยังเกาะอาดังแล้วเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์มุมกว้างของเกาะหลีเป๊ะและเกาะโดยรอบ
- พายเรือคายัค: เช่าเรือคายัคและสำรวจแนวชายฝั่งตามที่คุณต้องการ บางคนถึงกับพายเรือคายัคไปยังเกาะใกล้เคียงเช่นเกาะกระ
- ทัวร์ชิมอาหารริมถนนคนเดิน: ถนนคนเดินเป็นแถบหลักของเกาะที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และแผงขายอาหาร ลองอาหารทะเลสดใหม่หรือดื่มด่ำกับอาหารนานาชาติ
- บาร์ริมชายหาด: เกาะหลีเป๊ะมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ผ่อนคลายแต่น่าดึงดูดใจ เพลิดเพลินกับค็อกเทลที่บาร์ริมชายหาด และอาจฟังดนตรีสดด้วย
- การนวดริมชายหาด: มีจุดต่างๆ มากมายตามชายหาดที่คุณสามารถรับบริการนวดแผนไทยโดยมีเสียงคลื่นเป็นพื้นหลัง
- เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเล: ใช้เวลาในหมู่บ้านชาวยิปซีเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนชาวเลพื้นเมืองและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
ตั้งแต่กีฬาทางน้ำที่ทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดไปจนถึงพระอาทิตย์ตกอันเงียบสงบและประสบการณ์ทางวัฒนธรรม เกาะหลีเป๊ะนำเสนอกิจกรรมที่ผสมผสานกันอย่างสมดุลเพื่อรองรับนักเดินทางทุกประเภท คุณสามารถไปดำน้ำตื้นในน้ำทะเลใสดุจคริสตัลไปจนถึงเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตกดินแสนโรแมนติกพร้อมค็อกเทลในมือได้ ทั้งหมดนี้ในวันเดียว เกาะหลีเป๊ะเป็นสวรรค์ที่คุณจะไม่มีวันลืมง่ายๆ
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่น่ามาเที่ยวอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย คนต่างชาติต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเองด้วย ประกอบไปด้วยกลุ่มหมู่เกาะมากมาย มีเกาะสำคัญๆ และสวยงามเช่น เกาะตะรุเตา เกาะหลีเปะ เกาอาดังเกาะราวี เกาะดง เกาะหินงาม เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยืนยังหมู่เกาะตะรุเตาก็ควรจะเริ่มต้นจากเกาะหลีเปะ เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางของอุทยานหมู่เกาะตะรุเตา มีทั้งที่พักสไตล์ต่าง ๆ ให้บริการ เป็นศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และยังเป็นจุดรวมของทริปทัวร์ที่มีจัดอยู่เพื่อไปทำกิจกรรมยังเกาะต่าง ๆ โดยรอบที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาได้อย่างสะดวก มีถนนคนเดินในยามค่ำคืนที่เกาะหลีเปะ ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาอยู่ที่ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู
อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็นขุมสมบัติสำหรับผู้รักธรรมชาติ ผู้แสวงหาการผจญภัย และผู้ที่มองหาสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น อุทยานแห่งนี้ประกอบด้วยเกาะ 51 เกาะและเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าทึ่งสำหรับกิจกรรมทุกประเภท ต่อไปนี้เป็นบทสรุปโดยผู้เชี่ยวชาญของฉันเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำในสวรรค์ตามธรรมชาติแห่งนี้
กิจกรรมทางทะเล
- การดำน้ำตื้น: ด้วยสัตว์ทะเลและแนวปะการังที่หลากหลาย อุทยานแห่งนี้จึงเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ สถานที่ยอดนิยม ได้แก่ เกาะหลีเป๊ะ และเกาะอาดัง
- ดำน้ำลึก: จุดดำน้ำในอุทยานมีผู้คนหนาแน่นน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจุดดำน้ำยอดนิยมอื่น ๆ ในประเทศไทย มอบประสบการณ์การดำน้ำที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
- การแล่นเรือใบและพายเรือ: นำหรือเช่าเรือเพื่อสำรวจเกาะต่างๆ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
การดูสัตว์ป่า
- ดูโลมาและวาฬ: หากคุณโชคดี คุณอาจได้เห็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่สง่างามเหล่านี้ระหว่างการเดินทางของคุณ
- การดูนก: อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด ทำได้ดีที่สุดในตอนเช้าหรือตอนบ่าย
การสำรวจและการผจญภัย - กระโดดเกาะ: ด้วย 51 เกาะ คุณมีตัวเลือกมากมาย เกาะตะรุเตา เกาะกลาง และเกาะดง ถือเป็นเกาะที่ห้ามพลาด
- เดินป่าและเดินป่า: เส้นทางบนเกาะต่างๆ เช่น เกาะตะรุเตา เปิดโอกาสให้สำรวจน้ำตก ถ้ำ และจุดชมวิว อ่าวตะโละว้าวเป็นเส้นทางเดินป่ายอดนิยม
การพักผ่อนและการถ่ายภาพ
- การตั้งแคมป์ริมชายหาด: เกาะบางแห่งอนุญาตให้ตั้งแคมป์ได้ ลองจินตนาการถึงการตื่นขึ้นมาด้วยเสียงคลื่นและถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นโดยไม่มีใครอยู่รอบๆ
- การถ่ายภาพ: ตั้งแต่ทิวทัศน์อันน่าทึ่งไปจนถึงฉากใต้น้ำ อุทยานแห่งชาติตะรุเตาคือความฝันของช่างภาพ
ความเข้าใจด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ - เยี่ยมชมเรือนจำเก่าบนเกาะตะรุเตา: เกาะแห่งนี้เคยเป็นอาณานิคมของทัณฑ์ และซากที่เหลือเผยให้เห็นถึงยุคมืดมนในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- ทัวร์เชิงนิเวศ: ผู้ประกอบการบางรายเสนอทัวร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทางทะเลและความหลากหลายทางชีวภาพ
ตกปลา
- กีฬาตกปลา: แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการตกปลาจะถูกจำกัดภายในอุทยานเพื่อรักษาระบบนิเวศ แต่โซนที่กำหนดบางแห่งก็อนุญาตให้ตกปลาเป็นกีฬาได้
พายเรือคายัค
- พายเรือคายัคในป่าชายเลน: สำรวจป่าชายเลนที่หนาแน่นด้วยการพายเรือคายัคผ่านเครือข่ายทางน้ำที่สลับซับซ้อน
ประสบการณ์การทำอาหาร - งานเลี้ยงอาหารทะเล: แม้ว่าจะมีการจำกัดการตกปลาเชิงพาณิชย์ แต่บางทัวร์ก็เสนออาหารทะเลที่จับสดๆ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ
การดูดาว
- การสังเกตท้องฟ้ายามค่ำคืน: มลพิษทางแสงที่น้อยที่สุดทำให้มีโอกาสดูดาวที่ดีเยี่ยม
ทัศนศึกษา
- ทัวร์ชีววิทยาทางทะเล: เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลที่หลากหลายผ่านทัวร์เพื่อการศึกษาพร้อมไกด์
พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก
- ชมพระอาทิตย์ขึ้น/ตก: สวยงามเป็นพิเศษเมื่อมองจากชายหาดอันเงียบสงบหรือจากจุดชมวิวสูงบนเกาะใดเกาะหนึ่ง
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักผจญภัยที่มีหัวใจหรือเพียงต้องการผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติตะรุเตาพร้อมมอบประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ชีวิตใต้ท้องทะเลที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงป่าทึบและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ อุทยานแห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ที่ทำให้ภาคใต้ของประเทศไทยมีเสน่ห์ เชื่อฉันเถอะว่าการเดินทางที่นี่เป็นช่องทางหนึ่งในการสัมผัสประสบการณ์ธรรมชาติที่ดีที่สุด
เกาะอาดัง

มาผจญภัยเล็ก ๆ กันที่เกาะโจรสลัดนามเกาะอาดัง เกาะแห่งนี้เดิมเคยเป็นแหล่งกบดานซ่องสุมของเหล่าโจรสลัด ทั่วทั้งเกาะเป็นภูเขาและหุบผา เหมาะที่จะลงดำน้ำดูปะการัง ปะการังรอบ ๆ เกาะอาดังจะเป็นปะการังชนิดแข็งเป็นส่วนใหญ่ นอกจากการดำน้ำแล้ว ด้วยเกาะเต็มไปด้วยภูเขาจึงมีน้ำตกชื่ออว่า น้ำตกโจรสลัด ซึ่งใช้สำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้บนเกาะตลอดปี และผาชะโดที่โจรสลัดสมัยก่อนใช้เป็นจุดซุ่มมองเรือที่ผ่านไปมาเพื่อเข้าปล้น ปัจจุบันที่จุดนี้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเกาะ ใช้เวลาเดินขึ้นไปที่จุดผาชะโดนี้ประมาณ 20 นาที บนหน้าผาสูงมีลานกว้างให้ได้ยืนชมวิว จะมองไปเห็นวิวของเกาะหลีเปะ และทิวสนรวมถึงแหลมทรายของเกาะด้วย
เกาะราวี

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำบรรยากาศของธรรมชาติริมทะเลในรูปแบบการกางเต้นท์ เกาะราวีเป็นเกาะที่เหมาะที่สุดในการกางเต้นท์ และนอกจากการดำน้ำเพื่อดูปะการังโดยรอบเกาะแล้ว บริเวณช่วงกลางของเกาะยังเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การดูนก เพราะมีนกอาศัยอยู่ที่เกาะราวีมากมายหลายชนิด เกาะราวีเป็นเกาะที่ตั้งขนานกับเกาะอาดัง มีระยะทางห่างกันเพียง 1 กม.เท่านั้น
สีสันการท่องเที่ยวสตูล จังหวัดปลายมุมขวานแห่งนี้ ระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรค์ให้จิตใจได้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย เพราะความสวยงามและธรรมชาติหลากหลายทำให้การเดินทางไกลกลายเป็นใกล้ได้ด้วยความอิ่มเอมและสุขใจเมื่อได้มาสัมผัสที่เที่ยวสตูล