ในช่วงเวลาแห่งการตั้งครรภ์เป็นเวลาที่ร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยอยู่ในภาวะที่อ่อนไหวและต้องการการเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ เพราะหากมีสิ่งผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงไปสู่ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกรับประทาน มีอาหารที่ต้องห้ามสำหรับคนท้องที่คุณแม่ไม่ควรจะรับประทานในช่วงเวลาตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด ก็คือ
เนื้อหาในหน้าเพจนี้
1. อาหารกระป๋องและอาหารกึ่งสำเร็จรูป
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานอาหารกระป๋องหรือพวกอาหารกึ่งสำเร็จรูปต่าง ๆ เช่นปลากระป๋อง แกงสำเร็จบรรจุซองหรือบรรจุกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื้อกระป๋อง นอกจากนั้นยังรวมถึงอาหารจำพวกแฮมและไส้กรอกด้วยค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้ผู้ผลิตจะใส่สารเจือปนจำนวนมาก ทั้งสารเพิ่มสีแต่งกลิ่น แต่งรสชาติ ที่สำคัญพวกสารกันบูดเพื่อยืดอายุให้อาหารเก็บอยู่ได้นาน ๆ มีผงชูรสจำนวนมากปนอยู่ เมื่อคุณแม่รับประทานเข้าไปสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ค่ะ
2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม ชา กาแฟ
ในช่วงที่คุณแม่อุ้มท้อง น้ำเปล่าสะอาดบริสุทธิ์เป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดค่ะ ระหว่างวันจิบน้ำเปล่าให้บ่อยที่สุดจะดีต่อคุณแม่และลูกน้อย ถ้าคุณแม่ก่อนตั้งท้องเป็นคนติด ชา กาแฟ ในช่วงนี้ต้องงดหรือลดให้น้อยที่สุดนะคะ เพราะการดื่มชาจะทำให้คุณแม่ยิ่งมีภาวะท้องผูกจากที่คนท้องมีภาวะท้องผูกถ่ายยากอยู่แล้ว ส่วนกาแฟก็อย่างที่เราทราบกันว่ามีสารคาเฟอีนอยู่มาก ลูกน้อยก็จะได้รับเจ้าสารนี้ไปด้วยค่ะ เครื่องดื่มอีกสองประเภทที่ควรงดโดยเด็ดขาดก็คือ แอลกอฮอล์และน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ปริมาณมากที่ดื่มต่อเนื่องมีผลให้ทารกในครรภ์เกิดภาวะปัญญาอ่อน คางสั้น ศรีษะมีขนาดเล็กกว่ามาตรฐาน คางสั้น พัฒนาการการเติบโตช้า หัวใจและหลอดเลือดพิการ อันเนื่องมาจาก แอลกอฮอล์จะไปทำปฎิกิริยากับกลูโคสและกรดอะมิโนให้มีปริมาณสู่ทารกลดลง ทารกในครรภ์จึงขาดสารอาหารจำเป็นเหล่านี้ค่ะ ในส่วนของน้ำอัดลมไม่ได้ให้ประโยชน์ใด ๆ ทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยเลย มีแต่ความหวานและสีสังเคราะห์รวมถึงแก๊สปริมาณมาก คนท้องนั้นมีภาวะเสี่ยงต่อเบาหวานอยู่แล้วนะคะ ยิ่งดื่มน้ำอัดลมเข้าไปจะอันตรายและความเสี่ยงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว ถ้างดได้ในช่วงนี้ก็ควรงดจะดีกว่าค่ะ
3. อาหารมีรสจัด
คุณแม่ท้องบางคนจะมีอาการแพ้ท้องเป็นช่วง ๆ ตลอดการตั้งครรภ์ ทำให้อยากรับประทานอาหารที่มีรสจัดเพราะทำให้เจริญอาหารได้มากขึ้นดับอาการเลี่ยนอาหารได้บ้าง แต่ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ก็ควรเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดค่ะ เลือกทานอาหารรสชาติอ่อน ๆ จะดีกว่า เนื่องจากอาหารรสจัดจะยิ่งส่งผลไปถึงระบบย่อยอาหารและกรดในระบบทางเดินและการย่อยอาหาร ซึ่งคนท้องมีภาวะระบบย่อยที่ปรวนแปรอยู่แล้ว ทั้งสรีระที่ครรภ์จะไปเบียดกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต่าง ๆ การย่อยก็ไม่ปกติ เกิดกรดไหลย้อยได้ง่าย อาหารรสจัดจะเข้าไปเร่งปฎิกิริยา เรียกได้ว่าอร่อยตอนที่รับประทาน แต่หลังจากนั้นคุณแม่จะต้องเผชิญกับกรดปั่นป่วนแน่ ๆ ค่ะ ดังนั้นเลือกรับประทานอาหารรสชาติอ่อน ๆ ในช่วงท้องจะดีที่สุดนะคะ
4. อาหารที่เต็มไปด้วยไขมันและแป้ง
ไขมันและแป้งอาจจะเป็นอาหารโปรดในช่วงท้อง คุณแม่บางคนถือโอกาสช่วงท้องที่ร่างกายมีสรีระใหญ่ขึ้น จึงรับประทานไขมันและแป้งตามใจจากที่อยากรับประทานมานานแต่กลัวอ้วน นั่นเป็นการกินที่อันตรายนะคะ เพราะน้ำหนักตัวที่มากของทั้งลูกน้อยในครรภ์และคุณแม่จะทำให้คลอดยาก เมื่อลูกน้อยคลอดแล้วน้ำหนักตัวจากผลของการสะสมแป้งและไขมันมาหลายเดือนจะยังค้างอยู่ที่คุณแม่อีกมาก ไม่ได้ออกไปพร้อมกับการคลอดแต่อย่างใดค่ะ เมื่อคลอดลูกน้ำหนักตัวจะหายไปไม่เกิน 5 กิโลกรัมโดยประมาณเมื่อรวมน้ำหนักลูกน้อย รกและน้ำคร่ำ ถ้าคุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมาในช่วงท้องมาก ๆ หลังคลอดก็ยังคงอยู่ คุณแม่บางคนหลังคลอดน้ำหนักยังค้างอยู่มากกว่า 10 กิโลกรัมก็มีค่ะ แถมเป็นไขมันล้วน ๆ อีกต่างหาก นั่นก็เพราะการรับประทานเจ้าไขมันและแป้งนี่ล่ะค่ะ
5. อาหารที่ย่อยยาก
อาหารหลายชนิดย่อยยากมาก เช่นอาหารทอด เนื้อสัตว์เหนียว ๆ เป็นต้น อาหารเหล่านั้นจะยิ่งทำให้คุณแม่เกิดอาการท้องผูก ถ่ายลำบากค่ะ คนท้องกับการขับถ่ายเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องพบอยู่แล้ว หลายคนอาจจะเกิดเป็นริดสีดวง คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงอาหารย่อยยากและหันมารับประทานอาหารที่มีกากใยไฟเบอร์สูง ๆ ค่ะ จะช่วยให้ขับถ่ายคล่องและไม่มีภาวะท้องผูก ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก การเบ่งถ่ายมาก ๆ มีผลต่อทารกและการคลอด อาจทำให้คลอดก่อนกำหนด มีเลือดออก อันตรายทีเดียวค่ะ
6. หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้
สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้อาหารบางชนิดอยู่แล้วก่อนตั้งครรภ์ เช่นแพ้อาหารทะเล แพ้ถั่ว เป็นต้น ในช่วงตั้งครรภ์ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเชียวค่ะ เพราะหากเผลอรับประทานไป อาการแพ้อาหารจะกำเริบและจะส่งผลที่รุนแรงเสียยิ่งกว่าตอนยังไม่ตั้งครรภ์ด้วย มีผลอันตรายถึงลูกในท้องอย่างแน่นอน ก่อนรับประทานอาหารในสถานที่แปลก ๆ หรือลิ้มลองเมนูแปลก ๆ คุณแม่ควรสอบถามให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีส่วนประกอบของอาหารที่ทานแล้วแพ้ปนอยู่ค่ะ
7. อาหารหมัก ดอง อาหารปรุงไม่สุก
อาหารประเภทหมักดองและอาหารปรุงกึ่งสุกกึ่งดิบ อย่างอาหารอีสาน ไข่ดิบ ไข่มะตูม หรือแม้แต่อาหารญี่ปุ่นพวกซาซิมิ ซูชิ แม้เราจะมองว่ามีการปรุงที่สะอาด แต่สำหรับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ไม่ควรรับประทานค่ะ เพราะอาหารที่กล่าวมาอาจมีสิ่งเจือปน ทั้งสารต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อทารกและคุณแม่ และในปลาดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบอาจจะมีพวกพยาธิและเชื้อต่าง ๆ ที่ควรถูกฆ่าด้วยความร้อนจากการหุงต้มเสียก่อน ในช่วงตั้งครรภ์รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ จะดีที่สุดค่ะ
8. ผลไม้บางชนิด
คุณแม่อาจจะเคยได้ยินมาว่าคนท้องรับประทานผลไม้จะดีที่สุด แต่ทราบไหมคะว่ายังมีผลไม้บางชนิดที่ไม่ควรรับประทานในช่วงตั้งครรภ์ค่ะ ผลไม้ที่ไม่ควรรับประทานหรือรับประทานได้แต่น้อยก็คือ ผลไม้ที่มีส่วนผสมของแป้งมาก ได้แก่ทุเรียนและมะม่วงสุก เพราะผลไม้สองอย่างนี้จะทำให้หนักท้อง แน่นท้อง ท้องอืด เกิดก๊าซในกระเพาะมาก ทำให้เกิดความรู้สึกทรมานอึดอัดหลังรับประทาน และผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง อย่างลำไย น้อยหน่า เงาะ มะละกอสุก อินทผลัม จะไปเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานค่ะ
9. อาหารตากแห้ง
อาหารตากแห้งก็คือ อาหารที่เราเรียกกันว่าอาหารแห้ง อาหารแดดเดียว เช่นปลาเค็มตากแห้ง ปลาสลิดแดดเดียวทอด กุนเชียง ไส้กรอก อาหารเหล่านี้มีสารที่จะทำปฎิกิริยากับฮีโมโกลบิลและออกซิเจนในกระแสเลือด ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ได้ไม่เพียงพอเท่าที่ควรค่ะ
10. ปลาบางชนิด
ปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีประโยชน์สูงต่อคนท้องก็จริงค่ะ แต่ก็ยังมีปลาบางชนิดที่ไม่เหมาะที่คนท้องจะรับประทาน ได้แก่ ปลากะพง ทั้งกะพงแดงและกะพงขาว เนื้อปลาฉลาม หูฉลาม ปลาดาบเงิน ประกระโทง ปลาเหล่านี้มีส่วนประกอบของสารปรอทเจือปนอยู่ สารปรอทจะเข้าไปส่งผลต่อระบบประสาทของลูกน้อยค่ะ
เรื่องที่น่าสนใจ
- คนท้องเต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
- รีวิวชุดตรวจครรภ์
- วิธีตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
- อาการคนท้อง 1 สัปดาห์
- จะรู้ได้อย่างไรว่าท้อง
- วิธีเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์
- ทำไมต้องฝากครรภ์
- อาหารบำรุงครรภ์
- วิธีรับมือกับอาการแพ้ท้อง
- อาหารที่คนท้องไม่ควรกิน
- นมสำหรับคนท้อง
- ประโยชน์ของน้ำนมแม่
- วิธีลดอาการปวดหลังสำหรับคนท้อง
- การดูแลคนท้อง
- พัฒนาการทารกในครรภ์แต่ละเดือน
- วิธีดูแลลูกในท้องให้แข็งแร็ง
ก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ ลองเช็คดูสักนิดนะคะว่ามีอาหารต้องห้ามไม่ควรรับประทานอยู่หรือเปล่า หลีกเลี่ยงและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นของขวัญให้กับสุขภาพของลูกน้อยและตัวคุณแม่เองในช่วงเวลาสำคัญนี้ค่ะ