ดื่มด่ำกับความเป็นญี่ปุ่นแท้ ณ ปราสาทโอซาก้า อันยิ่งใหญ่
จุดมุ่งหมายอันดับแรกๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นต้องการชื่นชมและสัมผัสก็คือปราสาทโอซาก้าอันยิ่งใหญ่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นแท้ในสมัยที่วัฒนธรรมรุ่งเรืองสวยงาม เมื่อเรานึกถึงเจ้าหญิงญี่ปุ่นในชุดกิโมโนสวยวิจิตรนั่งอยู่ท่ามกลางสวนซากุระในปราสาทแบบญี่ปุ่น ซามูไร ขุนนาง และโชกุน นั่นคือสิ่งที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝันและสถานที่ดังกล่าวมีอยู่จริง ณ ปราสาทโอซาก้าที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้
ปราสาทโอซาก้า เป็นปราสาทใหญ่ที่เลื่องชื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นด้วยโครงสร้างคุณสมบัติครบทั้ง 13 ประการจึงถูกยกย่องให้เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญประจำชาติ ความหรูหราอลังการที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นในศตวรรษ ที่ 16 ช่วงรวบรวมประเทศ ตรึงตาตรึงใจผู้คนทั่วโลกมากว่า 500 ปี
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจอันทันสมัยของเมืองโอซาก้า บริเวณใกล้กับปราสาทเป็นที่ตั้งของตึกโอซาก้า บิซิเนส ปาร์ค และแหล่งธุรกิจชั้นนำของเมือง ทำให้ผู้มาเยือนได้มองเห็นถึงการรวมกันของญี่ปุ่นในยุคใหม่และญี่ปุ่นในยุคประวัติศาสตร์เปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน นับว่าเป็นเสน่ห์หนึ่งของเมืองโอซาก้า
ทั่วอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของปราสาทโอซาก้าที่กว้างถึงกว่า 6 หมื่นตารางเมตร ตัวปราสาทมีชั้นทั้งหมด 5 ชั้นและชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินที่สูงใหญ่ถึง 30 เมตร เพียงแค่กำแพงหินแห่งนี้ก็ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความเพียรและความยิ่งใหญ่ของการสร้าง เพราะใช้หินจากบริเวณที่ห่างออกไปถึงกว่า 100 กิโลเมตรนำมาก่อสร้าง เป็นความสูงและกว้างที่ยิ่งใหญ่มากกว่าซึ่งปราสาททุก ๆ แห่งของญี่ปุ่นไม่อาจเทียบได้ รอบ ๆ บริเวณภายนอกของกำแพงปราสาทยังสวยงามและน่าตื่นตาด้วยสวนซากุระที่มีต้นซากุระใหญ่ซึ่งเรียงรายอยู่ถึงกว่า 600 ต้น ในสวนกว้าง สวนซากุระแห่งนี้นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเป็นจุดชมดอกซากุระในหน้าซากุระบานที่เป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง นอกจากต้นซากุระโบราณต้นใหญ่มากมายที่ออกดอกบานสะพรั่งทั่วบริเวณกว่า 600 ต้นแล้ว ภาพฉากหลังที่มองไปเห็นปราสาทโอซาก้า ยังทรงคุณค่าและน่าประทับใจแก่ผู้ได้มาสัมผัสอย่างยิ่ง หากใครที่ได้มาเที่ยวยังโอซาก้าในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระนี่เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งต้องไม่พลาด ในหน้าชมดอกซากุระช่วงเดือนเมษายน ยังจัดให้มีการชมซากุระในยามค่ำคืนจากสวนแห่งนี้ด้วย เมื่อมองจากสวนจะเห็นแสงสีจากปราสาทงดงามมาก
จากสวนซากุระมีสะพานข้ามมายังฝั่งปราสาทโอซาก้าโดยสะพานนี้ทอดผ่านคูเมืองรอบ ๆ กำแพงอยู่ ประวัติอันน่าสนใจของปราสาทโอซาก้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อ โทโดะโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งเป็นเจ้าเมือง( ไดเมียว) ที่มีบทบาทสำคัญของญี่ปุ่น ได้ดำริสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นในปีค.ศ. 1583แทนวัดอิชิยามา ฮอนกันจิ ที่ถูกโอดะ โนบุนากะทำลายลง จุดประสงค์การสร้างปราสาทก็เพื่อให้เป็นศูนย์กลางและศูนย์รวมต่าง ๆ ของเมือง แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1597 นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนยังปราสาทโอซาก้าจะได้เห็นอนุสาวรีย์ของท่าน โทโดะโตมิ ฮิเดโยชิ อยู่ภายในบริเวณปราสาทไม่ไกลจากประตูทางเข้า เป็นชายในชุดซามูไรโบราณมือข้างซ้ายถือดาบและมือข้างขวาถือพัดสร้างด้วยโลหะสำริดสีดำขนาดใกล้เคียงกับตัวจริงบนแท่นหิน เมื่อเขาสิ้นชีวิตลง ปราสาทจึงตกอยู่ในการครอบครองของผู้เป็นลูกคือโทโดะโตมิ ฮิเดยูริ ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1615 ฮิเดยูริผู้เป็นลูกได้สั่งให้ขุดคูเมืองขึ้นโดยรอบกำแพงปราสาท
การเข้าชมยังปราสาทโอซาก้า หากไม่รีบร้อนมีเวลาพอสบาย ๆ แนะนำให้เดินชมสวนรอบ ๆ นอกปราสาทเสียก่อน ชื่นชมกับทัศนียภาพของวิวปราสาทในระยะไกลที่มองจากสวนซากุระอันเป็นภาพที่งดงาม ใกล้ ๆ กันยังมีสวนพลัมให้ได้แวะเดินเล่นก่อนด้วย
จากนั้นเมื่อเข้าในในบริเวณปราสาท ผ่านประตูใหญ่อันสง่างามเข้ามาในบริเวณของปราสาท นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ฟรีไม่ต้องมีค่าตั๋ว ส่วนที่ต้องซื้อตั๋วคือการเข้าชมในตัวของปราสาทโอซาก้า เมื่อผ่านประตูกำแพงเข้ามาจะพบเข้ากับบริเวณที่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อว่า Hokoku Shrine ศาลเจ้าแห่งนี้มีสัญลักษณ์ประตูศาลเจ้าโบราณเป็นสีเนื้อไม้เข้มแตกต่างจากศาลเจ้าอื่นที่ประตูศาลจะมีสีแดง และอนุสาวรีย์ โทโดะโตมิ ฮิเดโยชิ รอบ ๆ ปราสาทภายในมีร้านขายอาหารทั้งในแบบนั่งทานและประเภทซื้อเดินทานมากมายทั้งที่เป็นร้านและเป็นรถขายอาหารจอดเรียงรายส่วนใหญ่เป็นของทานเล่นรองท้อง พวกสแน็ค ไอศกรีมและเครื่องดื่ม ต่าง ๆ มีเก้าอี้นั่งกระจายทั่วบริเวณและต้นไม้ร่มรื่น
เมื่อมาถึงตัวปราสาทโอซาก้านักท่องเที่ยวจะต้องแปลกใจถึงความทันสมัยของปราสาทแห่งนี้เริ่มตั้งแต่การซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม โดยผู้ใหญ่ทุกคนต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปภายในปราสาทสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าฟรี ความทันสมัยอยู่ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่สามารถหยอดเงินและซื้อได้เองอย่างสะดวกสบาย ตู้หยอดเหรียญขายเข็มกลัดที่ระลึกสวย ๆ ของปราสาท มาต่อที่ความทันสมัยของทางขึ้นที่ประกอบไปด้วยบันไดและลิฟท์ให้เลือก นั่นก็เพราะปราสาทเคยเสียหายครั้งใหญ่เพราะการถูกเผาโดยกองกำลังทหารฝ่ายจักรพรรดิ์ที่ต่อต้านรัฐบาลบะกุฟุ ในเหตุการณ์สงครามกลางเมืองการปฎิรูปเมจิ ในปี ค.ศ.1868 และยังถูกนำไปใช้เป็นคลังแสงผลิตอาวุธต่าง ๆ ของทางรัฐบาลเมจิด้วย เมื่อเวลาผ่านไปใน1928 จึงได้มีการก่อสร้างและซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ครั้งใหญ่ แต่ทว่าปราสาทโอซาก้าก็ยังต้องผจญกับความเสียหายครั้งใหญ่อีครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฝ่ายพันธมิตรได้โจมตีระเบิดคลังแสงคือราสาทแห่งนี้ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ.1945 เป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิตไปถึง 382 คน ปราสาททรุดโทรมและแทบจะทิ้งร้าง กระทั่งในปี ค.ศ.1995 นี่เองที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการก่อสร้างซ่อมแซมและบูรณะปราสาทโอซาก้าขึ้นครั้งใหญ่และติดตั้งลิฟท์ขึ้นลงและอุปกรณ์ทันสมัยมากมายทำให้ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นปราสาทที่ทันสมัยที่สุด
ภายในตัวปราสาทจัดเป็นส่วน ๆ ในชั้นที่ 1 จะมีทั้งส่วนที่เป็นนิทรรศการ ห้องโถงและโรงละคร นิทรรศการที่จัดแสดงเริ่มจากการแสดงถึงประวัติศาสตร์การสร้างปราสาท แบบจำลองโมเดลหุ่นที่ดูสวยงามมีรายละเอียดสมจริง ภาพวาดฉากหลังที่ละเอียดบอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์สงครามระหว่างแคว้นโอซาก้าและแคว้นนาโงย่า เมื่อลียาสุ โตกุกาว่าได้โจมตีปราสาทโอซาก้า ก่อนที่จะมีการรวบรวมประเทศสำเร็จ ความตื่นตาตื่นใจอีกจุดหนึ่งของการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์จากบริเวณนิทรรศการอยู่ที่การบอกเล่าผ่านเทคโนโลยี 3 มิติที่มีตัวละครตามประวัติศาสตร์ถูกฉายไปยังฉากโมเดลเสมือนจริงเป็น 3 มิติ นอกจากนั้นยังจัดแสดงวัตถุร่องร่อยจากอดีตต่าง ๆ ทั้ง Golden Dolphins แห่ง Osaka Castle ภาพวาดจากพู่กันสมัยเก่า และอื่น ๆรวมแล้วกว่า 1 หมื่นชิ้น
ชั้นที่ 2 จัดแสดงภาพถ่ายในมุมต่าง ๆ ของปราสาทและภาพถ่ายปราสาทในแต่ละฤดูกาลที่มีสีสันและอารมณ์ความสวยงามแตกต่างกัน กิจกรรมที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวก็คือ ชุดซามูไรและชุดิโมโนที่มีบริการให้เช่าแต่งกายแบบซามูไรถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก มีมุมของฝากสวย ๆ ที่เกี่ยวกับซามูไรเจ้าหญิงอันคงเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นหลากหลายชนิดให้ได้ซื้อหากลับบ้านกัน
จุดชมวิวนั้นจะอยู่ที่ชั้น 5 ซึ่งมีระเบียงโดยรอบตัวปราสาทให้ได้ขึ้นไปชมวิวทั่วบริเวณรอบปราสาทจากมุมสูง จากระเบียงปราสาทจะมองเห็นตึกที่ทำการของสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน สวนซากุระและคูรอบปราสาท อีกมุมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือวิวแม่น้ำโอกาวะที่เต็มไปด้วยต้นซากุระเรียงรายอยู่สองริมมฝั่งแม่น้ำ และเห็น ชิงช้าสวรรค์ Hip five ที่ตั้งอยู่ในย่านอุเมดะด้วย
ก่อนกลับจากปราสาทโอซาก้า แวะดูที่ด้านหน้าปราสาทจะมี ไทม์แคปซูล ซึ่งเป็นแคปซูลที่ภายในบรรจุข้อมูลของเรื่องราวเมื่อครั้งงานเอ็กซโปปี พ.ศ. 2513 ที่เมืองโอซาก้าเป็นเจ้าภาพ แคปซูลนี้ได้ถูกกำหนดว่าจะปิดผนึกไว้เป็นเวลา 100 ปีก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้ง
ปราสาทโอซาก้า เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 60 นาที ในการเยี่ยมชมภายในปราสาทค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 600 เยน แต่หากต้องการชมพิพิธภัณฑ์ด้วย ค่าเข้าชม 900 บาท เด็กนักเรียนต่ำกว่า 15 ปี เข้าชมฟรี
การเดินทางมายังปราสาทโอซาก้าโดยการนั่งรถไฟใต้ดินสาย Tanimachi Subway Line หรือ Chuo Subway Line มาลงที่สถานี Tanamachi 4-Chome Station หากนั่งรถไฟสาย JR Loop Line ลงที่สถานี Osakakoen Station และเดินเท้าต่ออีก 15-20 นาที ภายในบริเวณมีที่จอดรถ โดยมีค่าบริการจอดรถ 50 เยน ต่อ 3 ชั่วโมง ไปเที่ยวโอซาก้ากันต่อ