เที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง ไปทัวร์คนเดียว เดือนไหนดี
เที่ยวเยอรมัน ดินแดนแห่งความฝันของยุโรปกลาง ถือได้ว่านี่คืออีกหนึ่งประเทศในที่ควรไปเยือนซักครั้งในชีวิต ที่เที่ยวเยอรมันสร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก ก่อนอื่นเรามารู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้น
ประเทศเยอรมันตั้งอยู่ตอนกลางของยุโรป และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งสหภาพยุโรป ทำให้สกุลเงินในเยอรมันจึงเป็นยูโร เยอรมันมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ4 ของโลก บร๊ะเจ้า !!! แถมยังมีการนำเข้า และส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีความเจริญของสถาปัตยกรรม และที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม จึงทำให้ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอย่างไม่คาดสาย วันนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าประเทศเยอรมัน เที่ยวยูเครนมีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง
เนื้อหาในหน้าเพจนี้
กรุงเบอร์ลิน (Berlin)
คุณจะได้สัมผัสถึงร่องรอยแห่งอดีตทันที เมื่อคุณเข้ามาที่กรุงเบอร์ลิน เพราะว่าจะยังคงหลงเหลือสถาปัตยกรรมอันงดงามเอาไว้มากมายหลายแห่ง และที่เราอยากจะแนะนำคือ ประตูบรานเดนบวร์ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ที่ยังคงหลงเหลือเส้นแนวกำแพงเดิม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงอดีตของสงคราม นอกจากนี้ เบอร์ลินยังมีศูนย์กลางความบันเทิงอย่างหอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ที่อเล็กซานเดอร์พลาทซ์ซึ่งเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 2 ในสหภาพยุโรป ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นไปนั่งรับประทานอาหารกันบนนั้น
เมืองฮัมบูร์ก (Hamburg)
เมืองท่าที่ใหญ่อันดับสองของเยอรมัน ได้รับการขนานนามว่า “ประตูสู่โลก” เพราะมีท่าเรือขนาดใหญ่ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ ทำให้เป็นเมืองที่รวยที่สุดในยุโรปแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ บริเวณท่าเรือ เมื่อคุณเข้าสู่เมืองฮัมบูร์กคุณจะได้พบสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมถึงธนาคารแบร์มเบริก ซึ่งเป็นธนาคารที่เก่าแก่ นอกจากนี้ยังมี ย่านซังท์เพาลี ย่านเก่าแก่ของเมือง ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเดินเที่ยวกินบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งในปัจจุบันรู้จักในชื่อ ย่านแสงสีแดง คุณจะพบกับอาคารคลังสินค้าที่สร้างขึ้นจากอิฐสีแดง
เมืองเดรสเดน (Dresden)
เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเอลเบอที่นี่จะเต็มไปด้วยความสวยงามของอาคารเก่า ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนงดงามน่าทึ่ง แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ในเมืองนี้คือ บริเวณ “ตลาดใหม่นอยมาร์ค” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ฟราวเอนเคียเช่อ,โบสถ์โปรเตสแตนท์และที่ด้านหน้าโบสถ์จะมีอนุสาวรีย์ของมาร์ตินลูเธอร์ตั้งอยู่ อีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ เฟอร์เต็นซูก ซึ่งเป็นกำแพงที่ประดับด้วยกระเบื้องที่ยาวที่สุดในโลก ยาวถึง 101 เมตร
เมืองโคโลญจน์ (Cologne)
แค่ชื่อเมืองก็รู้แล้วว่าเมืองนี้คือ เมืองแห่งน้ำหอมและยังมีมหาวิหารอันยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ มหาวิหารที่สำคัญชื่อว่า เคิล์นโดม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 600 ปีเชียวนะ คุณจะสัมผัสได้ถึงความงดงามของสถาปัตยกรรม บริเวณใกล้กับวิหาร จะมีสะพานโฮเฮนโซลแลร์นบรุคเคอ เป็นไฮไลท์ที่คุณห้ามพลาดเพราะราวสะพานจะเต็มไปด้วยกุญแจของคู่รักที่เชื่อว่าจะไม่พรากจากกัน นอกจากนี้ เมืองโคโลญจน์ยังมีพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต ที่ตั้งอยู่บนตึกลอยน้ำริมแม่น้ำไรน์เด็ดตรงที่มีน้ำพุช็อกโกแลต จะมีเจ้าหน้าคอยนำวาฟเฟิลอุ่นๆ มาให้คุณ แล้วคุณก็สามารถจุ่มกับช็อคโกแลต แล้วทานได้เลย เมืองนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด
เมืองมิวนิค (Munich)
เมืองแห่งเบียร์เยอรมัน คอเบียร์ไม่ควรพลาด นอกจากจะเด่นเรื่องเบียร์แล้ว เมืองนี้ยังเป็นบ้านของทีมฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิกอีกด้วย มิวนิคเป็นเมืองที่ร่ำรวยศิลปะอย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมบาวาเรียนแบบแท้ๆ เมื่อเข้าสู่เขตเมืองมิวนิค คุณจะได้เห็นโบสถ์เฟราเอ่นเคียร์ชเช่อโบสถ์รูปทรงโดมแฝด และโบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอม หลังจากชมโบสถ์เรายังไม่ลืมที่จะพาคุณไปชมโรงเบียร์แบบพื้นเมืองฮอฟบราวเฮาส์ ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัสพลาตเซิลต้องถูกใจคอเบียร์อย่างแน่นอน
เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt)
เมืองแห่งศูนย์กลางการเงิน เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการธนาคารของโลก มีสถาบันการเงินนานาชาติกว่า 300 แห่ง ที่เมืองนี้มีอาคารแสดงสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเยอรมัน จัดงานแสดงสินค้าต่างๆ เช่น สินค้าตกแต่งบ้าน สินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาส แม้ว่าแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีความทันสมัย แต่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่อย่างมหาวิหารเซนท์บาร์โทโลมิวที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และโบสถ์เซนต์พอลซึ่งเป็นอนุสรณ์ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ ที่แวดล้อมไปด้วยดอกไม้และสัตว์นานาชนิดอีกด้วย
เมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg)
เมืองนี้มีมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ มีอายุมานานกว่า 600 ปี หากมาเมืองนี้คุณจะพบบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมเก่าๆ ตั้งอยู่เรียงรายมากมาย โดยมีแม่น้ำเนคคาร์คั่นกลาง และจะพบกับปราสาทไฮเดลเบิร์กอันเก่าแก่และทรงคุณค่า คุณสามารถเดินทางไปยังปราสาทได้ 2 วิธี คือ เดินขึ้นไปหรือนั่งรถราง ภายในปราสาทจะมีห้องเก็บไวน์ขนาดใหญ่ ที่มีถังบ่มไวน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อกลับลงคุณจะได้พบกับสะพานคาลธีโอดอร์ฮ้อยส์บรุคเคอสะพานอันเก่าแก่ของเมือง
เมืองพอทสดัม (Potsdam)
เมืองมรดกโลกของเยอรมัน เมืองแห่งนี้อุดมธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีทะเลสาบเชื่อมต่ออยู่ทั่วทั้งเมือง จุดเด่นคือหมู่บ้านดัตช์ ที่มีบ้านเรือน 134 หลัง ซึ่งถูกสร้างด้วยอิฐสีแดงในสไตล์ดัตช์ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมพระราชวังซองส์ซูซี หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า พระราชวังและสวนแห่งพอทสดัมและเบอร์ลินซึ่งถูกจัดให้เป็นคู่แข่งกับพระราชวังแวร์ซายส์ เลยทีเดียว พระราชวังอีกหนึ่งแห่งที่อยากจะแนะนำคือ Orangery Palace เป็นพระราชวังสไตล์อิตาเลียนยุคเรอเนสซองส์
เที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง
เยอรมันมีสภาพอากาศแบบภาคพื้นทวีป อุณหภูมิในช่วงกลางวัน และกลางคืนค่อนข้างจะแตกต่างกันมาก และอุณหภูมิในแต่ละฤดูเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุดคือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน เพราะเป็นฤดูร้อน อากาศจะเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 10 – 22°C ช่วงร้อนที่สุดจะเป็นเดือนกรกฎาคม และช่วงหนาวที่สุดจะเป็นเดือนมกราคม ในฤดูหนาวเดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม อาจมีฝนตกหนัก ไปเที่ยวฤดูร้อนจึงดูจะเหมาะกว่า และมันมีเหตุผลว่าทำไมต้องไปเดือนกันยายน นั่นเพราะว่าที่เมืองมิวนิกจะมีเทศกาลเบียร์เยอรมัน อ็อกโทเบอร์เฟสต์ ซึ่งเป็นเทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
การเดินทางไปเยอรมัน ต้องทำวีซ่าเชงเกน ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง ในการไปแฟรงค์เฟิร์ต และใช้เวลาบินประมาณ 13 – 18 ชั่วโมง ในการไปเบอร์ลิน หากว่าจองล่วงหน้าก่อนการเดินทางจะได้ราคาประหยัด
การเดินทางในเยอรมัน มีหลากหลายวิธีที่นิยม ทั้งรถไฟ รถประจำทาง รถราง ปั่นจักรยาน หรือจะเช่ารถยนต์ขับเองก็ได้ หรือแม้แต่เรือเฟอร์รารี่ก็มีบริการ ระบบการเดินทางทุกอย่างเน้นไปที่ความปลอดภัย มีเวลาที่แน่นอนของการเดินรถ
รถไฟเยอรมัน มีทั้งหมด 6 แบบ
รถไฟเยอรมันจะตรงเวลามาก เลทได้สองสามนาทีเท่านั้น หากว่านานกว่านั้นแสดงว่าเกิดเหตุสุดวิสัย อาจจะมีพายุเข้า ทุกหัวเมืองจะมีสถานีรถไฟประจำเมืองนั้นๆ แล้วก็ยังมีสถานีย่อยๆ ลงไปอีก แบ่งรถไฟออกเป็นทั้งหมด 6 แบบ ดังนี้
- ICE – INTERCITY EXPRESS คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองนอกพื้นที่เขต หยุดแค่บางสถานีเท่านั้น
- EC AND IC (EUROCITY AND INTERCITY) คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองนอกพื้นที่เขต
- RE – REGIONAL EXPRESS คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองในพื้นที่เขต หยุดแค่บางสถานีเท่านั้น
- RB – REGIONAL BAHN คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองในพื้นที่เขต
- S-BAHN คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ
- TRAM AND BUS คือรถไฟที่รถราง และรถบัสวิงในเมือง
สกุลเงิน สมัยก่อนจะใช้เงินสกุล มาร์กเยอรมัน ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้จนถึง พ.ศ. 2545 แล้วได้เปลี่ยนไปใช้เงินสกุล ยูโร มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร ต่อ 1.95583 มาร์ก
เหรียญ ที่ใช้ได้แก่ เหรียญ 1 เฟนนิก, 2 เฟนนิก, 5 เฟนนิก, 10 เฟนนิก, 50 เฟนนิก, 1 มาร์ก, 2 มาร์ก และ 5 มาร์ก
ธนบัตร ที่ใช้ได้แก่ ธนบัตร 5 มาร์ก, 10 มาร์ก, 20 มาร์ก, 50 มาร์ก, 100 มาร์ก, 200 มาร์ก, 500 มาร์ก และ 1000 มาร์ก
ระบบไฟฟ้า ของเยอรมันใช้กระแสไฟ 220 V เหมือนในประเทศไทยไม่ต้องห่วง แต่ปลั๊กไฟจะเป็นแบบ 2 ขาหมุด หัวปลั๊กจะกลม
โทรศัพท์ รหัสประเทศเยอรมันคือ 49 กดหมายเลย 001 ตามด้วย 49 แล้วก็ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์
เวลา ประเทศเยอรมัน มีเวลาที่เร็วกว่าประเทศไทย ประมาณ 5 ชั่วโมง ในช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม หรือ 6 ชั่วโมง ในช่วงเดือนตุลาคม – มีนาคม
ของฝากน่าซื้อ ได้แก่ เบียร์ เครื่องสำอาง ช็อคโกแลต กระเป๋า เครื่องหนัง เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า ของที่ระลึกพื้นเมือง
มารยาทพื้นฐานที่ควรรู้
- เราควรที่จะจับมือทักทายกับอีกฝ่ายเมื่อถูกแนะนำให้รู้จัก เพราะว่าถ้าไม่จับมือจะถือว่าไม่สุภาพ
- อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าคนเยอรมันชอบดื่มเบียร์ ก่อนที่พวกเขาจะดื่มเบียร์ทุกครั้ง พวกเขาต้องพูดว่า PROST! ความหมายคล้ายๆ Cheers โดยขณะที่พูดอย่าลืมมองตาเพื่อนๆ ด้วย
- เราสามารถพูดคุยเรื่องการเมืองได้ แม้ว่าจะเพิ่งพบกันครั้งแรก เพราะคนเยอรมันชอบพูดคุยกันเรื่องการเมืองและปรัชญา ดังนั้นเราสามารถพูดคุยได้อย่างอิสระ
- เวลาที่เรารับโทรศัพท์ทุกครั้ง เราควรจะพูดชื่อของตัวเองก่อน
- อันนี้สำคัญสำหรับนักช็อป เพราะว่าร้านค้าในเยอรมันส่วนมากไม่รับบัตรเครดิต อย่าลืมพกเงินสดติดตัวด้วยนะ
- ห้ามมาสาย จริงๆ ก็เป็นมรรยาทของทุกประเทศ แต่คนเยอรจะตรงเวลามาก และค่อนข้างซีเรียส
- ห้ามมอบดอกลิลลี่ให้แก่คนเยอรมัน เพราะใช้ในพิธีงานศพ
- ห้ามมอบดอกคาร์เนชั่นให้แก่คนเยอรมัน เพราะหมายถึงความเศร้าโศก
- บนฟุตบาทจะแบ่งเป็น 2 เลน เวลาเดินบนฟุตบาท สังเกตดีๆ คือ สำหรับคนเดิน และสำหรับคนขี่จักรยาน
- อย่าข้ามถนนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะผิดกฎหมาย อาจจะถูกจับได้
ของใช้จำเป็นที่ควรนำไปด้วย
- มีดโกน แหนบ กรรไกรตัดเล็บ หวี เพราะว่าของพวกนี้แพงกว่าบ้านเรา และร้านเสริมสวยที่นี่แพงมาก ต้องทำเอง ส่วนยาทาเล็บ หรือยาล้างเล็บ ไม่ต้องเอาไป เพราะว่าที่นี่ถูกมาก และคุณภาพดี
- โฟมล้างหน้า กับโลชั่นอาบน้ำ เพราะว่าของที่นี่จะเป็นแบบลื่นๆ ล้างออกก็ยาก หากชอบแบบล้างง่ายๆ ก็ต้องนำมาเอง
- เซรั่มบำรุงผมแห้งเสีย เพราะว่าอากาศที่นี่แห้ง ผมจะกระด้างมาก
- แปรงสีฟัน เพราะว่าแปรงสีฟันของที่นี่ค่อนขนข้างแข็ง ลองเอาไปแช่น้ำอุ่นแล้วก็ยังแข็ง
- แป้งเย็น ที่เยอรมันไม่มีขาย พกมาด้วยเพราะว่าหน้าร้อนที่นี่จะร้อนมาก ร้อนแบบแห้งๆ ส่วนแป้งเด็กมีขายแต่เป็นแบบกระป๋องเล็กๆ กระป๋องละ 30 บาท แต่ที่บ้านเราแค่ 12 บาท
เต็มอิ่มไปกับข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการไปเที่ยวเยอรมัน ทัวร์เยอรมัน ท่องเที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง